นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี (CCP) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้ที่ราว 2,800 ล้านบาท และตั้งเป้าปีนี้จะมีอัตรากำไรขั้นต้นฟื้นมาสู่ระดับกว่า 10% และอัตรากำไรสุทธิ 4-5% ซึ่งเป็นไปตามความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์คอนกรีตมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยเป็นผลจากการลงทุนงานโครงสร้างพื้นฐานในโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อาทิ ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด สนามบินอู่ตะเภา ทยอยเริ่มดำเนินงานก่อสร้าง อีกทั้งยังมีโครงการของหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ต่าง ๆ ที่มีการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง อาทิ งานถนน กำแพงกันดิน อาคารสำนักงาน
ขณะที่การลงทุนภาคเอกชน โดยในส่วนผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 4/60 ที่ได้เริ่มลงทุนเปิดโครงการใหม่มากขึ้น แต่การลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมคาดว่าจะเริ่มลงทุนตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไป
สำหรับรายได้ในปีนี้จะมาจากสัดส่วนงานภาครัฐ 70% และภาคเอกชน 30% หลังยังมุ่งเน้นการเข้ารับงานภาครัฐทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ให้สามารถรองรับงานโครงสร้างพื้นฐานได้อย่างหลากหลาย โดยปีนี้ตั้งงบสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ปรับปรุงเครื่องจักรเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไว้ที่ประมาณ 50 ล้านบาท
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ประมาณ 2,500 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในระยะเวลา 1 ปี 6 เดือน แบ่งเป็นการรับรู้รายได้ภายในปีนี้ 60% และบริษัทจะทอยประมูลงานเข้ามาเพิ่มอีกในอนาคต เพื่อรักษาระดับมูลค่างานในมือไว้ไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท
"ในปีนี้การแข่งขันในเรื่องของราคาน่าจะลดความร้อนแรงลง ทำให้ราคาคอนกรีตผสมเสร็จ (Ready Mixed) ที่ถูกกดดันราคาในช่วงที่ผ่านมา จะเริ่มปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติได้ในช่วงไตรมาส 3/61 ด้านสินค้า Precast ยังคงเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ ออกสินค้านวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง รองรับงานโครงสร้างพื้นฐาน และงาน Landscape ซึ่งมีความต้องการใช้งานเพิ่มสูงขึ้น ปัจจุบันมีหน่วยงานหลายแห่งเริ่มนำผลิตภัณฑ์ Precast ของบริษัทเข้าไปใช้ในงานด้าน Landscape ในปีนี้บริษัทจะเน้นการทำตลาดผลิตภัณฑ์ในส่วนนี้มากขึ้นด้วยเช่นกัน"นายอาทิตย์ กล่าว
นายอาทิตย์ กล่าวอีกว่า บริษัทจะมุ่งเน้นการเปิดตลาดใหม่ เพื่อขยายฐานลูกค้าและกระจายความเสี่ยง รวมทั้งขยายช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป ในลักษณะ B2C (Business to Customer) มากขึ้น โดยจะจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรด ห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง อาทิ ไทวัสดุ โกลบอลเฮ้าส์ โมเดิร์นฟอร์ม เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้ารายย่อยทั่วประเทศ พร้อมทั้งเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ 4-5 รายการ ในกลุ่ม Precast ซึ่งจะทยอยวางตลาดตั้งแต่ไตรมาส 1-3 ในปีนี้ซึ่งจะช่วยผลักดันยอดขายเพิ่ม 5-10% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นของสินค้าใหม่อยู่ที่ 20-30%
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าปีนี้มีโอกาสพลิกเป็นกำไร หลังในช่วง 9 เดือนแรกของปี 60 มีผลขาดทุนสุทธิ 22.71 ล้านบาท โดยจะเน้นการบริหารจัดการและการปรับปรุงเครื่องจักรเพื่อให้สามารถผลิตสินค้าได้เพิ่มขึ้น อีกทั้งจะมีการปรับราคาสินค้าประเภท ReadyMix เพิ่มขึ้นราว 10% และการออกสินค้าใหม่
นอกจากนี้บริษัทมองถึงความเสี่ยงในการดำเนินธุกิจ อาจเป็นเรื่องการเงินที่บางกลุ่มมีสภาพคล่องค่อนข้างต่ำ ส่วนปัจจัยเสี่ยงอื่นยังไม่เห็นมากนัก ขณะที่เชื่อว่าโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จะสามารถดำเนินไปได้สำเร็จตามนโยบายจากรัฐบาล แต่ยังต้องติดตามทิศทางนักลงทุนต่างชาติด้วย
นายอาทิตย์ เปิดเผยอีกว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนธุรกิจคลังสินค้าและโลจิสติกส์ โดยเริ่มจากขนาด (scale) ที่เหมาะสม และหาพันธมิตรที่เชี่ยวชาญเพื่อร่วมธุรกิจ โดยมองว่าอาจมีโอกาสที่จะเข้าซื้อกิจการหรือร่วมทุน ซึ่งบริษัทมีพื้นที่ในจังหวัดชลบุรีอยู่แล้วราว 100 ไร่ ทั้งนี้ คาดว่าจะมีแนวทางชัดเจนภายในปีนี้