นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บีซีพีจี (BCPG) กล่าวว่า แผนการลงทุนของบริษัทใน 3 ปี ข้างหน้า ยังคงให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยตั้งงบลงทุนไว้ราว 3 หมื่นล้านบาท เน้นโครงการที่ให้ผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ไม่ต่ำกว่า 15% เพื่อรักษาการเติบโตของรายได้ และกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ไม่ต่ำกว่าปีละ 15-20%
ขณะเดียวกันในปี 61 บริษัทมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าให้ได้อีก 200 เมกะวัตต์ (MW) จากราว 600 เมกะวัตต์ในสิ้นปี 60 โดยคาดว่าจะมาจากกำลังการผลิตไฟฟ้าในส่วนที่เป็น Retail ผ่านธุรกิจโซลาร์รูฟท็อปในประเทศในรูปแบบต่าง ๆ จำนวน 30 เมกะวัตต์ ส่วนที่เหลืออีก 170 เมกะวัตต์ จะมาจากธุรกิจรูปแบบปัจจุบันทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นทั้งการพัฒนาใหม่และการเข้าซื้อกิจการ
สำหรับปีนี้บริษัทจะใช้เงินลงทุนราว 1 หมื่นล้านบาท จากระดับ 1.5 หมื่นล้านบาทในปีที่แล้ว เพื่อลงทุนโรงไฟฟ้าในมือที่อยู่ระหว่างการพัฒนา และการลงทุนในโรงไฟฟ้าใหม่ ๆ รวมถึงการเข้าซื้อกิจการ ซึ่งมองโอกาสการลงทุนในไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีเป้าหมายจะมี EBITDA เพิ่มขึ้น 15% จากปีที่แล้ว
ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว 394 เมกะวัตต์ ส่วนที่เหลือ 191 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการพัฒนา ทั้งในญี่ปุ่น,ไทย,อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
ทั้งนี้ หลังจาก BCPG ได้นำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เมื่อปลายเดือนก.ย.59 ได้รับความสนใจและเชื่อมั่นจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง จนทำให้มาร์เก็ตแคปของบริษัท ในปัจจุบันมากกว่า 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากวันแรกของการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีมาร์เก็ตแคป 1.99 หมื่นล้านบาท