(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นก่อนย่อตัว แม้ราคาน้ำมันพุ่งแต่หุ้นหลัก PTT-PTTEP ขึ้นมามากแล้ว,นลท.เลือกเล่นหุ้นขนาดกลาง

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 2, 2018 09:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยเช้านี้น่าจะปรับขึ้นได้ระหว่างเทรดก่อนจะย่อตัวลง แม้ว่าเมื่อคืนนี้ราคาน้ำมันดิบจะพุ่งขึ้น หลังจากโกลด์แมน แซคส์ ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในปีนี้ แต่ราคาหุ้นหลักที่เกี่ยวข้องทั้ง PTT-PTTEP ปรับขึ้นมาค่อนข้างมากแล้วก็อาจจะลดช่วงบวกลงบ้าง

ด้านเม็ดเงินลงทุนที่เคยเข้ามาลงทุนในหุ้นกลุ่มแบงก์,พลังงานและปิโตรเคมี จนทำให้ราคาหุ้น perform ในช่วงก่อนหน้านั้นก็เริ่มพักตัวในช่วง 1-2 วันนี้ เป็นทิศทางเดียวกับดัชนีที่ไม่ได้ปรับตัวขึ้นมากในสัปดาห์นี้ ขณะที่เม็ดเงินก็เริ่มเข้ามาลงทุนในหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล,อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มขนาดกลางมากขึ้น ทำให้ไม่มีผลต่อดัชนีหุ้นไทยมากนัก

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้ยังมีความผันผวน โดยดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นไปแรงกว่า 100 จุด ก่อนจะอ่อนตัวลงมาปิดบวกได้กว่า 37 จุดเท่านั้น ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ ส่วนตลาดภูมิภาคเช้านี้อย่างญี่ปุ่น ก็เปิดตลาดปรับตัวลดลง

นอกจากนี้ในทางเทคนิครายสัปดาห์ ตั้งแต่เดือนธ.ค.60 จนถึงปัจจุบัน ดัชนีหุ้นไทยทำยอดสูงใหม่ในแต่ละสัปดาห์ แต่สัปดาห์นี้น่าจะเป็นสัปดาห์แรกที่ดัชนีไม่สามารถทำยอดสูงใหม่ได้ ซึ่งอาจจะทำให้นักลงทุนประเภทเก็งกำไรระยะสั้น ขายหุ้นออกมาตามแนวต้าน ทำให้ภาพดัชนีเมื่อขยับเข้าใกล้แนวต้านก็อาจจะอ่อนแรงมาได้

พร้อมมองแนวรับที่ระดับ 1,820 จุด และแนวต้านที่ 1,840 และ 1,843 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (1 ก.พ.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,186.71 จุด เพิ่มขึ้น 37.32 จุด (+0.14%) ,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,821.98 จุด ลดลง 1.83 จุด (-0.06%) ,ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,385.86 จุด ลดลง 25.62 จุด (0.35%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 124.44 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 27.76 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 73.08 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 8.60 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 2.55 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 2.05 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 8.14 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้น 39.70 จุด,
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (1 ก.พ.61) 1,833.60 จุด เพิ่มขึ้น 6.74 จุด (+0.37%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 716.68 ล้านบาท เมื่อวันที่ 1 ก.พ.61
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (1 ก.พ.61) ปิดที่ระดับ 65.80ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.07 ดอลลาร์ หรือ 1.7%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (1 ก.พ.61) ที่ 7.87 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.31 แนวโน้มแข็งค่า มองมีโอกาสหลุด 31.30 ตลาดจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ
  • แบงก์ชาติผ่อนคลายเกณฑ์เปิดช่องให้นักลงทุนรายย่อยที่มีทรัพย์สินตั้งแต่ 50 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 100 ล้านบาท ลงทุนหลักทรัพย์ในต่างประเทศได้ วงเงินไม่เกิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี หวังเพิ่มความคล่องตัวให้นักลงทุนที่ต้องการลงทุนในต่างประเทศ
  • บสย.ออกหลักเกณฑ์ Single Guarantee Limit ช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เข้าร่วมโครงการ Micro Entrepreneurs หรือ SGL Micro โดยกำหนดให้กรอบวงเงินค้ำประกัน สินเชื่อ SGL Micro รวมทุกโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Micro Entrepreneurs (เฟส 1-2 และเฟสต่อๆ ไป) และรวมทุกสถาบันการเงิน ไม่เกิน 5 แสนบาท/ราย เป็นเวลา 10 ปี จากเดิมรับค้ำประกันต่อรายสูงสุดไม่เกิน 2 แสนบาท/ราย จะช่วยรองรับความต้องการของเอสเอ็มอีได้มากขึ้น
  • ธปท.ได้จัดทำรายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ โดยดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 3 เดือนข้างหน้า (เม.ย. 2561) ลดลงเล็กน้อย โดยรวมอยู่ที่ 55.9 ลดลงจากที่สำรวจครั้งก่อนหน้าอยู่ที่ 56.1 เบื้องต้นองค์ประกอบของดัชนีส่วนใหญ่จะยังอยู่เหนือระดับ 50 ถือเป็นระดับความ เชื่อมั่นที่ทรงตัว ยกเว้นความเชื่อมั่นด้านต้นทุนที่ลดลงมาก อยู่ที่ 38.6 ขณะที่การสำรวจเมื่อเดือนก่อนหน้าดัชนีนี้ อยู่ที่ 41.0 เป็นการลดลงทั้งจากภาคการผลิต การค้า และบริการ โดยปัจจัยที่มีผลทำให้ความเชื่อมั่นต้นทุนลดลงมาก คือ ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น อีกทั้งผู้ประกอบการคาดว่าต้นทุนค่าแรงจะเพิ่มขึ้นจากการประกาศปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ
  • รัฐบาลตั้งคณะทำงานวางกรอบคุมธุรกรรมสกุลเงินดิจิทัล คาดได้ข้อสรุปภายใน 1 เดือน "ปลัดคลัง" ย้ำเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยง และไม่มีกฎหมายรองรับ ปลื้มประชาชนแห่ผูกบัญชีกับระบบพร้อมเพย์ทะลักแตะ 37 ล้านบัญชี เร่งกระตุ้นนิติบุคคลใช้พร้อมเพย์เพิ่มขึ้น
  • ส.อ.ท.รับพลาดเป้าผลิตรถยนต์ 3 ล้านคันในปี 60 ชี้เศรษฐกิจโลก-ไทยไม่กระเตื้อง ปัญหาน้ำท่วม พร้อมตั้งเป้าปีใหม่ 2 ล้านคัน เผยเพิ่มค่า แรงขั้นต่ำไม่กระทบผู้ผลิต
  • กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงได้ปรับคาดการณ์ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ (อัตราเงินเฟ้อ) ปี 61 ใหม่จากเดิมขยายตัว 0.6-1.6% เป็น 0.7-1.7% มาจากการปรับเพิ่มอัตราค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศวันละ 5-22 บาทต่อวัน รวมถึงทิศทางเศรษฐกิจไทยและโลกมีแนวโน้มที่ดีขึ้น, ราคาน้ำมันและราคาสินค้าบางประเภทปรับเพิ่มความต้องการของผู้บริโภค
  • ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (กนศ.) เห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการโครงสร้างพื้นฐานรองรับโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี จำนวน 168 โครงการกรอบวงเงินรวมประมาณ 1 ล้านล้านบาท เบื้องต้นคาดว่าการลงทุนจะเป็นเงินงบประมาณ 30% งบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ 10% และรัฐร่วมทุนกับเอกชน(พีพีพี) 60%
*หุ้นเด่นวันนี้
  • BBL (แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมาย 245 บาท โดยคาดกำไรเติบโตโดดเด่นใน FY61F เราตาดว่า BBL จะมีการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียม โดยเฉพาะธุรกิจ Bancassurance ที่น่าจะเห็นความชัดเจนขึ้นต่อแผนธุรกิจร่วมกันกับ AIA รวมถึงสินเชื่อเติบโตดีขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจและการลงทุนใน Infrastructure projects จะช่วยเพิ่มทั้งรายได้ดอกเบี้ย และรายได้ค่าธรรมเนียมด้านสินเชื่อ ทั้งนี้ ใช้สมมติฐานการตั้งสำรองถึง 2.0 หมื่นล้านบาท ตามสมมติฐานของ BBL แต่ก็ยังคงน้อยกว่าปีก่อนที่น่าจะเป็นจุดสูงสุดที่ 2.2 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ดี ยังทำให้ประมาณการกำไร FY61F ยังเติบโตโดดเด่นอยู่ที่ 3.7 หมื่นล้านบาท (+13%YoY)
  • PRM (กสิกรไทย) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมาย 12.40 บาท โดยการประชุมนักวิเคราะห์บริษัท PRM มื่อวานนี้ (1 ก.พ. 2561) มีประเด็นสำคัญดังต่อไปนี้ 1) บริษัทได้ปรับแผนการซื้อเรือปี 2561 จาก 10 ลำ เป็น 7-9 ลำ ซึ่งจะมุ่งเน้นไปยังธุรกิจขนส่งเคมีภัณท์ เนื่องจากเป็นหน่วยธุรกิจที่มีอัตรากำไรที่ดีกว่าธุรกิจขนส่งน้ำมัน 2) บริษัทได้เปลี่ยนแผนการรับเรือในธุรกิจเรือบรรทุกน้ำมันลอยน้ำ (FSU) ให้มีขนาดเล็กลงจากประเภท VLCC เป็น LR 3) บริษัทคาดว่าจะเริ่มใช้วิธีการคำนวณค่าเสื่อมราคาแบบใหม่ (คิดจากราคาค่าซากเฉลี่ย) ตั้งแต่ไตรมาส 1/2561 เป็นต้นไป และ 4) บริษัทรายงานความล่าช้าการเริ่มงานเรือ Northern Pearl เนื่องจากต้องเปลี่ยนหลักยึดเรือ ทั้งนี้ กำลังอยู่ระหว่างการทบทวนประมาณการ โดยคาดว่าการเริ่มงานที่ล่าช้าของเรือ Northern Pearl จะส่งผลกระทบทางลบต่อกำไรไตรมาส 4/2560 ขณะที่แรงหนุนกำไรสุทธิปี 2561 จะมาจากการปรับวิธีคำนวณค่าเสื่อมราคาและการขยายกองเรือ
  • D (เคทีบีฯ) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมาย 11.40 บาท ขณะที่ D ได้ลงนามในหนังสือแสดงจำนงเข้าซื้อทรัพย์สิน (Letter of Intent) ประกอบด้วย คลินิกทันตกรรมจำนวน 3 แห่ง เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2561 ที่ผ่านมา ราคาประมาณ 25-35 ล้านบาท ซึ่งมีมุมมองเป็นบวกต่อข่าวดังกล่าวหากทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ และบอร์ดอนุมัติเข้าซื้อกิจการ 3 คลินิก จะทำให้บริษัทฯรับรู้รายได้เข้ามาทันทีในช่วงปลายไตรมาส 1Q61 ทำให้รายได้ในปีนี้เติบโตอย่างก้าวกระโดด ทำสถิติสูงสุดใหม่ และจะเติบโตอย่างโดดเด่นใน 2Q61 เนื่องจากการรับรู้รายได้และกำไรเข้ามาเต็มไตรมาส ขณะที่อาจจะมีการปรับประมาณการรายได้และกำไรใหม่

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ