นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค (ECF) กล่าวว่า กรณีที่บริษัท คิวทีซี โกลบอลพาวเวอร์ จำกัด (QTCGP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ.คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ (QTC) ได้ขายหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัท พลังงานเพื่อโลกสีเขียว (ประเทศไทย) จำกัด (GEP) ในสัดส่วน 15% นั้น ขณะนี้มีผู้สนใจเข้ามาถือหุ้นแทน QTC แล้ว 1 ราย เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการเจรจา
"ตอนนี้เรามีคนมาถือหุ้นแทน QTCGP แล้ว และคาดว่าจะซื้อมากกว่า 15% ด้วย แต่จะเป็นในส่วนของใครขายให้ตรงนี้ยังบอกไม่ได้ แต่ไม่ใช่เราแน่นอน เราไม่ขายเพราะเป็นโครงการที่ดีมาก"นายอารักษ์ กล่าว
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ ECF ได้ร่วมกับ บมจ.วินเทจ วิศวกรรม (VTE), QTC และ Planet Energy Holding PTE. Ltd. (PEH) เข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบู ขนาด 220 เมกะวัตต์ในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ภายใต้บริษัท GEP โดยมีสัดส่วนการถือหุ้น 12%,20%,15% ตามลำดับ
สำหรับความคืบหน้าของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบูนั้น ในวันที่ 4 ก.พ.นี้ จะมีการวางศิลาฤกษ์อย่างเป็นทางการ และหลังจากนั้นจะเร่งดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามกำหนด คาดเฟสแรกขนาด 50 เมกะวัตต์ จะสามารถจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ภายในเดือน มิ.ย.61 และน่าจะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงไตรมาส 3/61 แหล่งข่าวจากวงการพลังงานทดแทน คาดว่า บริษัทที่สนใจเข้ามาถือหุ้นในโรงไฟฟ้ามินบูน่าจะเป็น บมจ.สแกน อินเตอร์ (SCN) เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้เข้าซื้อ บริษัท วี.โอ.เน็ต ไบโอดีเซล เอเซีย จำกัด ผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 1.267 เมกะวัตต์ที่ COD แล้ว โดยเป็นการซื้อจาก VTE ทำให้ SCN มีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้นอีก 1 แห่ง รวมเป็น 2 แห่ง