นายวรวรรต ศรีสอ้าน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ยูนิเวนเจอร์ (UV) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 61 (1 ต.ค. 60 - 30 ก.ย. 61) อยู่ที่ 2.38 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 1.37 หมื่นล้านบาท โดยรายได้หลักของบริษัทยังมาจากรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายเป็นหลักในสัดส่วน 85%
ปัจจุบัน บริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ที่จะโอนในปีนี้ทั้งหมด 4.5 พันล้านบาท แบ่งเป็น Backlog จากโครงการแนวราบ 3.9 พันล้านบาท และจากโครงการคอนโดมิเนียม 838 ล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดโอนจากโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายรวมในปีนี้ทั้งหมด 1.98 หมื่นล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายรวมในปีนี้อยู่ที่ 3.66 หมื่นล้านบาท สำหรับภาพรวมของอสังหาริมทรัพย์ในปี 61 บริษัทมองว่ายังมีทิศทางการเติบโตที่สดใส หลังจากที่ภาวะเศรษฐกิจไทยเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน จากภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก และการที่ภาครัฐที่มาลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานต่างๆให้กระจายและขยายไปในพื้นที่ต่างๆมากขึ้น ส่งผลให้มีการพัฒนาโครงการต่างๆในทำเลใหม่ ซึ่งสนับสนุนให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เข้าไปลงทุน และมีการเปิดโครงการใหม่ๆเพิ่มขึ้น และทำให้ผู้ซื้อเกิดความสนใจตามมา ซึ่งยังมองว่าความต้องการที่อยู่อาศัยในประเทศไทยยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องทั้งจากลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติ
โดยปัจจัยดังกล่าวส่งผลต่อการตัดสินใจเปิดโครงงการของบริษัทที่ในปีนี้มีการเปิดโครงการใหม่เพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัวทั้งโครงการแนวราบและโครงการคอนโดมิเนียม อีกทั้งยังมีการวางแผนใช้งบซื้อที่ดินในปี 61 เพิ่มขึ้นเป็น 1.6 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่ใช้ไป 1.47 หมื่นล้านบาท เพื่อนำมาซื้อที่ดินรองรับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในปี 61 และ 62 ทั้งนี้เงินที่ใช้ซื้อที่ดินส่วนใหญ่มาจากกระแสเงินสดของบริษัทที่มีอยู่เพียงพอ แต่ในปีนี้บริษัทจะมีเงินที่ใช้สำหรับการซื้อที่ดินส่วนหนึ่งาจากการออกหุ้นกู้ ซึ่งวางแผนจะออกหุ้นกู้ในปีนี้ราว 1 พันล้านบาท ในช่วงไตรมาส 3/61 ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาช่วงระยะเวลาของหุ้นกู้ที่จะออก โดยจะนำเงินที่ออกหุ้นมาใช้ซื้อที่ดิน
ขณะเดียวกันในส่วนของการพัฒนาโครงการแนวราบที่เป็นการพัฒนาของกลุ่ม บมจ.แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (GOLD) ในปี 61 จำนวน 34 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 3.96 หมื่นล้านบาท และยังมีการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมที่เป็นการพัฒนาของบริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด จำนวน 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1.2 หมื่นล้านบาท
นายวรวรรต กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทได้มีการรีแบรนด์ "แกรนด์ ยูนิตี้"เพื่อรุกตลาดและขยายฐานลูกค้าในกลุ่มคอนโดมิเนียม ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้เข้ามาให้กับบริษัทในอนาคต ส่วนรายได้อื่นของบริษัทที่เสริมการเติบโต ประกอบด้วย รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าและโรงแรมราว 5% รายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์ 3% และรายได้จากธุรกิจผลิตสังกะสีออกไซด์ 7%
"ในปี 61 บริษัทยังคงมุ่งเน้นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งในภาพรวมเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกัน โดยการดำเนินงานในช่วงกลยุทธ์ 3 ปี (ปี 61-63) จะให้ความสำคัญในการสร้างความหลากหลายและการต่อยอด รวมไปถึงการ Synergy ธุรกิจที่ครอบคลุมในด้านอสังหาริมทรัพย์ และหาการให้บริการต่างๆให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้ามากที่สุด เพื่อเป็นการสร้างแบรนด์ให้มีความแข็งแกร่ง"นายวรวรรต กล่าว
พร้อมตั้งเป้ารายได้ในช่วงปี 61-63 เติบโตเฉลี่ย 20-30% ต่อปี โดยรายได้หลักจะมาจากรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท โดยนอกเหนือจากการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายแล้ว บริษัทจะเน้นเพิ่มรายได้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการซึ่งเป็นการบริการที่เกี่ยวเนื่องและสร้างรายได้เสริมเข้ามาให้กับบริษัท ทั้งในส่วนของธุรกิจบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจโบรกเกอร์ในการดูแลการปล่อยเช่าหรือสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะครอบคลุมไปถึงอสังหาริมทรัพย์ประเภทการพาณิชย์ รีเทล หรือที่อยู่อาศัย"
อีกทั้งยังมีการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ซึ่งจะให้บริษัท อะเฮดออล จำกัด เป็นผู้ขับเคลื่อนการคิดค้นเทคโนโลยีต่างๆเพื่อมาประยุกต์ใช้กับโครงการต่างๆของบริษัท ซึ่งปัจจุบันบริษัท อะเฮดออล จำกัด ได้อยู่ระหว่างการพัฒนากุญแจเอนกประสงค์ที่สามารถให้บริการงานต่างๆให้กับลูกบ้านที่ซื้อโครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทในเครือ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกต่างๆให้กับลูกบ้าน และเป็นการยกระดับแบรนด์ที่อยู่อาศัยของบริษัทให้มีความมั่นคงและดูทันสมัยมากขึ้น