(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลงตามตปท.ร่วงหนักเล็ง 1,800 จุดรับไม่อยู่ กังวลสหรัฐฯขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าคาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 6, 2018 09:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงและคงจะยืน 1,800 จุดไม่อยู่ เนื่องจากตลาดต่างประเทศต่างปรับตัวลงอย่างหนักทั้งภูมิภาคเอเชีย หลังจากดาวโจนส์ร่วงไปกว่า 1,000 จุดเมื่อคืนที่ผ่านมาส่งผลให้เช้านี้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นร่วงไปกว่า 1,000 จุดเช่นกัน รวมถึงดาวโจนส์ฟิวเจอร์สเช้านี้ลดลงไปแล้ว 300-400 จุด

ทั้งนี้ เป็นผลจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐฯ (Bond Yield) อายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นสูง แม้ว่าวันนี้จะเริ่มรีบาวด์ได้บ้างมาอยู่แถว 2.6794% แต่นักลงทุนก็มีความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่คาดไว้เป็น 4 ครั้งในปีนี้ จากเดิมคาดไว้แค่ 3 ครั้ง ส่งผลให้ต้นทุนการเงินของบริษัทจดทะเบียนสูงขึ้นและกำไรอาจชะลอลงได้

อย่างไรก็ดี ให้ติดตามทิศทางของ Bond Yield และข้อมูลเศรษฐกิจ รวมถึงการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยออกมาด้วย และราคาน้ำมัน ซึ่งวานนี้ได้ปรับตัวลงไป 2% อีกทั้งค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น ทำให้เงินบาทอ่อนค่าอาจจะกระตุ้นให้ Fund Flow ไหลออกได้

พร้อมให้แนวรับ 1,780-1,770 จุด ส่วนแนวต้าน 1,800 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (5 ก.พ.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,345.75 จุด ร่วงลง 1,175.21 จุด (-4.60%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,648.94 จุด ลดลง 113.19 จุด (-4.10%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,967.53 จุด ลดลง 273.42 จุด (-3.78%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 415.08 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 69.49 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 1,216.54 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 185.24 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 54.73 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 68.93 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 38.64 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 140.92 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (5 ก.พ.61) 1,810.32 จุด ลดลง 17.03 จุด (-0.93%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 5,125.63 ล้านบาท เมื่อวันที่ 5 ก.พ.61
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (5 ก.พ.61) ปิดที่ระดับ 64.15ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.30 ดอลลาร์ หรือ 2%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (5 ก.พ.61) ที่ 7.70 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.63 ก่อนอ่อนค่ามาที่ 31.70 จากความกังวล FED อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด
  • ภาพรวมกำลังซื้อของผู้บริโภคในปีนี้เริ่มปรับตัวดีขึ้น เห็นได้จากยอดการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเดือน ม.ค. ที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นถึง 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเชื่อว่าภาพรวมกำลังซื้อปีนี้ดีกว่าปีที่ผ่านมาแน่นอน
  • ตลาดหลักทรัพย์ลงนามต่ออายุบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับตลาดหลักทรัพย์เกาหลี (Korea Exchange: KRX) โดยมีระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.61-4 ก.พ.66 ซึ่งสอดคล้องกับแผนงานตลาดหลักทรัพย์ในการเชื่อมโยงการระดมทุนและการลงทุนเพื่อสร้างโอกาสการขยายธุรกิจในระยะยาว รวมถึงสานต่อการทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาตลาดทุนในด้านการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
  • สศค.เผยกรอบเบื้องต้นคณะทำงาน 4 หน่วยงานเกี่ยวข้องสกุลเงินดิจิทัล ต้องเสนอผลศึกษาภายใน 28 ก.พ.นี้ ขณะผู้ว่าการธนาคารกลางบางประเทศระบุว่า Cryptocurrency อาจจะเป็นเครื่องมือในการเก็งกำไรในการพนัน เพราะไม่มีผลต่อเศรษฐกิจในระยะยาว ส่วนตัวบล็อกเชน เป็นสิ่งที่น่าสนใจ
  • ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ม.ค. ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 สูงสุดในรอบ 36 เดือน เหตุเศรษฐกิจไทยปี 60 โตถึง 4% ส่งออกพุ่งเกือบ 10% สินค้าเกษตรเริ่มปรับตัวดีขึ้น เผยยังมั่นใจปี 61 GDP ยังโตต่อเนื่อง แนะจับตาเงินบาทแข็ง ขึ้นค่าแรง ที่ทำรายได้หด ค่าครองชีพพุ่ง แนะรัฐต้องเร่งเข้าไปแก้ไข
  • กสทช.จ่อนัดพิจารณาร่างเกณฑ์ประมูลคลื่น 900 MHz และ 1800 MHz ใหม่ วันที่ 7 ก.พ.นี้
  • ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เผยช่วงตรุษจีนปีนี้ ททท.คาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติและรายได้ที่จะเข้าเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ทั้งสิ้น 8.7 แสนคน เพิ่มขึ้น 5.45% คาดสร้างรายได้รวมกว่า 20,000 ล้านบาท เติบโต 11.81% ในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวจาก จีน 290,000 คน เติบโต 13.66% สร้างรายได้กว่า 8,103 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.6% ถือว่ากลับมาฟื้นตัวเป็นปกติ หลังจากที่ช่วงตรุษจีนปีที่แล้วได้รับผลกระทบจากการปราบปรามทัวร์ผิดกฎหมาย

*หุ้นเด่นวันนี้

  • TU (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 23 บาท คาดกำไรผ่านจุดต่ำสุดของปีใน Q4/60 เพราะเป็น Low Season ส่วนทั้งปี 2560 คาด +11% Y-Y โดยน่าจะเห็นการฟื้นตัวตั้งแต่ Q1/61 เพราะราคาปลาทูน่าอ่อนตัวลงจากระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีที่ US$2,300 ต่อตันใน ต.ค. 60 เป็นบวกต่อต้นทุนการผลิตที่ลดลง ส่วนปีนี้คาดกำไรสุทธิ +13% Y-Y โตสูงสุดในรอบ 4 ปี จากทั้งฐานที่ต่ำในปีก่อน และคาดธุรกิจทูน่า แซลมอน และกุ้งจะกลับมาสดใสอีกครั้ง
  • SC (กสิกรไทย) "ซื้อ"เป้า 4.60 บาท ตั้งเป้ายอดขายในช่วงปี 61-63 ไว้มากกว่า 6.0 หมื่นลบ.เทียบเท่ากับที่เคยทำไว้ช่วง 5 ปีก่อน โดยปี 61 ตั้งเป้ายอดขาย-รายได้ 1.7 หมื่นลบ.จากเปิดตัวโครงการใหม่เบื้องต้น 19 โครงการ มูลค่า 1.9 หมื่นลบ.เป็นแนวราบ 17 โครงการ มูลค่า 1.52 หมื่นลบ.และ 2 คอนโดฯ มูลค่า 3.6 พันลบ.พร้อมขยายพื้นที่พัฒนาใหม่ๆ เช่น EEC และเจาะตลาดต่ำกว่า 8 ลบ.มากขึ้น ว้
  • ADVANC (ดีบีเอส วิคเคอร์ส) ปรับเป็น"ซื้อ"จากเดิม"ถือ"คาดปีนี้การแข่งขันลดลงต่อเนื่องปลายปี 60 คาดรายได้ปีโต 7% y-o-y และอัตราเติบโตกำไรปีนี้เป็น 13% y-o-y ส่วนราคาพื้นฐานปรับเพิ่มเป็น 218.00 บาท หลังจากปรับประมาณการในระยะยาวเพิ่มขึ้น และใช้เงินลงทุนที่น้อยลง มีสมมุติฐานบริษัทจะได้รับคลื่นใหม่ 1800 MHz ที่จำนวน Block 15MHz ด้วยเงินลงทุน 40 พันล้านบาท ทั้งนี้ กำไรหลัก Q4/60 ออกมาตามคาด 7.7 พันล้านบาท (+18.9% y-o-y, +3.4% q-o-q)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ