ตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้ร่วงต่อไปกว่า 50 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียที่รูดลงหนักตามตลาดหุ้นดาวโจนส์ที่ดิ่งไปกว่า 1,000 จุด เนื่องจากตลาดฯ กังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจเพิ่มความถี่ของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้เป็น 4 ครั้ง จากเดิมคาด 3 ครั้ง ซึ่งจะกระทบต่อต้นทุนและกำไรของภาคธุรกิจ
ดัชนี SET เปิดตลาดที่ 1,775.42 จุด ลดลง 34.90 จุด (-1.93%) เมื่อเวลา 9.59 น.
จากนั้นเมื่อเวลา 10.00 น.ร่วงลงไปเป็น 2.02% มาอยู่ที่ 1,773.76 จุด ลดลง 36.56 จุด
เมื่อเวลา 10.14 น. ดัชนี SET ร่วง 2.39% มาอยู่ที่ 1,767.07 จุด ลดลง 43.25 จุด
ล่าสุดเมื่อเวลา 12.05 น. ดัชนี SET ร่วง 2.81% มาอยู่ที่ 1,759.44 จุด ลดลง 50.88 จุด
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงแรงกว่า 50 จุด เป็นไปตามตลาดหุ้นทั่วโลก โดยดาวโจนส์เมื่อคืนที่ผ่านมาร่วงไปพันกว่าจุด ซึ่งก็ไม่ได้เห็นบ่อย ดังนั้นบ้านเราก็ได้รับ Sentiment ลบจากนอกประเทศ ทำให้บ้านเรามีแรงขายทำกำไรออกมาด้วยในหุ้นที่ได้ปรับตัวขึ้นไปมากแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งก็สอดล้องกับที่มองไว้ว่าบ้านเราก็ไม่ถือว่าถูก ดังนั้นจึงได้มีการย่อตัวลงมาบ้าง
ทั้งนี้ ปัจจัยที่เกิดขึ้นจากภายนอกประเทศเป็นลักษณะของการโยกเงินออกมาจากตลาดหุ้นเข้าไปสู่ตลาดพันธบัตร ภายหลังจากที่เห็นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (Bond Yield) ขึ้นสูง แต่ขณะนี้ Bond Yield ก็เริ่มอ่อนตัวลงมาบ้างแล้ว หลังจากที่มีเงินบางส่วนเข้าไปลงทุนในตลาดพันธบัตร
บ่ายนี้ก็ลุ้นว่าจะยืนเหนือ 1,860 จุด ได้หรือไม่ หากไม่ได้ก็จะมีแนวรับถัดไปที่ 1,730 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,780 จุด
นายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้เปิดมาร่วงไปกว่า 2% เป็นไปตามคาด ซึ่งยังมองว่าตลาดบ้านเราไม่น่าจะลงไปแรงเหมือนตลาดหุ้นเอเชีย เนื่องจากที่ผ่านมาตลาดบ้านเราขึ้นมาด้วยเงินของ Local Fund เป็นหลัก ทำให้แรงขายจากปัจจัยต่างประเทศไม่น่าจะมีออกมามากนัก
อย่างไรก็ดี เช้านี้มองเป็นการ Panic เข้ามาที่หุ้นขนาดใหญ่ที่ต่างชาติมักจะเข้ามาถือ ซึ่งก็ยังคิดว่าพรุ่งนี้ตลาดฯอาจจะปรับตัวลงอีกวันแล้วก็น่าจะฟื้นตัวขึ้นได้ เนื่องจากบ้านเรายังดีอยู่ ผลประกอบการของบริษัทฯโดยรวมยังดีอยู่
พร้อมมองว่าในระหว่างทางตลาดฯอาจมีดีดกลับได้บ้าง เพราะการ Panic ครั้งนี้เป็นผลจากเศรษฐกิจสหรัฐฯฟื้นตัวแรง ทำให้เกิดความกังวลว่าสหรัฐฯจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้
พร้อมให้แนวรับ 1,770 ถัดไป 1,750-1,755 จุด ส่วนแนวต้าน 1,785-1,790 จุด