นายปฏิภาณ สุคนธมาน ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีขั้นปลาย ของ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) คาดว่าโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในสหรัฐจะเริ่มก่อสร้างได้ในกลางปี 62 หลังจากวันนี้บริษัทได้ลงนามข้อตกลงเบื้องต้น (HOA) กับบริษัทในเครือของบริษัท Daelim Industrial Co., Ltd. (DAELIM) ผู้ประกอบธุรกิจก่อสร้างและผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ในเกาหลีใต้ เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในรายละเอียดของโครงการ รวมถึงการออกแบบทางวิศวกรรม (FEED: Front-End Engineering Design) และการจัดหาแหล่งเงินทุน เพื่อผลิตจำหน่ายเอทิลีนและผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง (Ethylene Derivatives)
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าผลการศึกษาจะแล้วเสร็จและตัดสินใจการลงทุนได้ภายในปลายปีนี้ ขณะที่การลงทุนดังกล่าวแม้จะมีกำลังการผลิตเอทิลีนเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 ล้านตัน/ปี จากแผนเดิมที่ 1 ล้านตัน/ปี ทำให้วงเงินลงทุนรวมเพิ่มขึ้น แต่เชื่อว่าจะทำให้เงินลงทุนต่อหน่วยลดลง เพราะได้การประหยัดต่อขนาด (economy of scale) และยังจะมีการลงทุนผลิตภัณฑ์ขั้นปลายที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นด้วย จากแผนเดิมที่คาดว่าจะมีการผลิตผลิตภัณฑ์ขั้นปลาย ได้แก่ โพลีเอทิลีน ชนิดความหนาแน่นสูง (HDPE) และโมโนเอทิลีนไกลคอล (MEG) ก็จะศึกษาการลงทุนผลิตภัณฑ์อื่นเพิ่มเติมด้วย
"วันนี้เราเซ็น HOA ก็จะไปศึกษาทั้งเรื่อง financial, market, FEED เราขยายเอทิลีนเพิ่มขึ้นก็จะไปดูว่า downstream จะมีอะไรบ้าง ขนาดไหนจึงจะเหมาะสม ศึกษาตลาดทั้งในสหรัฐ และเป้าหมายอื่นๆ...หากเราประกาศการลงทุนได้ปลายปีนี้ ก็น่าจะใช้เวลาประมาณกลางปีหน้าในการเริ่มสร้าง"นายปฏิภาณ กล่าว
นายปฏิภาณ กล่าวว่า สำหรับผู้ลงทุนในโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในสหรัฐครั้งนี้ เบื้องต้นจะมีกลุ่ม PTTGC และกลุ่ม Daelim จากเกาหลีใต้ เป็นผู้ลงทุนหลัก โดยปัจจุบันยังไม่ได้กำหนดสัดส่วนการลงทุน ขณะเดียวกันก็พร้อมเปิดกว้างหากจะมีพันธมิตรเพิ่มเติม รวมถึงกลุ่มมารูเบนนี จากญี่ปุ่น ที่ก่อนหน้านี้ให้ความสนใจจะเข้าร่วมลงทุนในโครงการนี้ด้วย
สำหรับ Daelim เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในด้านธุรกิจก่อสร้างและเคมีภัณฑ์ในระดับสากล โดยมีการผลิตปิโตรเคมีที่ใกล้เคียงกับของ PTTGC และเคยก่อสร้างโรงงานปิโตเคมีให้กับกลุ่ม PTTGC ด้วย อีกทั้งยังมีศักยภาพทางด้านการเงิน ทำให้มีความพร้อมลงทุนในโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ ในสหรัฐกับกลุ่ม PTTGC
อนึ่ง โครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในสหรัฐ ของ PTTGC เดิมจะมีการผลิตเอทิลีน 1 ล้านตัน/ปี และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นปลายอีกจำนวนหนึ่ง โดยมีมูลค่าลงทุนเบื้องต้นราว 5.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ใช้ก๊าซอีเทนจากก๊าซธรรมชาติที่ผลิตจากชั้นหินดินดาน (Shale Gas) เป็นวัตถุดิบ โดยบริษัทเลือกทำเลที่ตั้งโครงการที่มลรัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นพื้นที่ดำเนินการ