นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ากำไรสุทธิในปีนี้จะทำสถิติสูงสุดใหม่ (New High) เช่นเดียวกับรายได้รวมปีนี้ที่ตั้งเป้าทำสถิติใหม่ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท โดยจะมาจากโครงการแนวราบ 1.08 หมื่นล้านบาท คอนโดมิเนืยม 5.7 หมื่นล้านบาท ค่าเช่าอาคารสำนักงานกว่า 100 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ
ปัจจุบัน บริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้ 50% ส่วนที่เหลือจะรับรู้ไปจนถึงปี 63
สำหรับรายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมในปีนี้ จะมาจากการรับรู้ฯ โครงการคอนโดมิเนียมใหญ่ 2 โครงการ คือ โครงการ Saladaeng One จะเริ่มโอนในไตรมาส 2/61 และโครงการ BEATNIQ จะเริ่มโอนในไตรมาส 3/61 ทั้ง 2 โครงการคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 5 พันล้านบาท และส่วนที่เหลือจะทยอยโอนในปี 62
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ไฮไลท์ของโครงการใหม่ในปีนี้ สำหรับแนวราบคือ township concept development จำนวน 2 โครงการ 2 ทำเล บนที่ดินผืนใหญ่ทำเลกรุงเทพตะวันออก บริเวณกรุงเทพกรีฑากว่า 115 ไร่ และกรุงเทพตะวันตก บางกระดี จ.ปทุมธานีกว่า 200 ไร่ ซึ่งจะเปิดขายครึ่งปีหลังของปี 61
และนอกจากนี้ 50% ของโครงการใหม่ปีนี้จะเป็นแบรนด์ PAVE และ VERVE ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมระดับราคา 2-5 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตของส่วนแบ่งตลาดแนวราบกลุ่มนี้ในช่วงปี 61-63
ขณะที่โครงการแนวสูงคือ โครงการ CENTRIC รัชโยธิน ทำเลใกล้ BTS สถานีรัชโยธินเพียง 150 เมตร เป็นอาคารสูง 21 ชั้น เริ่มต้น 3.7 ล้านบาท เปิดพรีเซลส์ในเดือน มี.ค.61 นี้ มูลค่า 1,500 ล้านบาท กับ โครงการ THE CREST สุขุมวิท 23 มูลค่าประมาณ 2,500 ล้านบาท จะเปิดขายประมาณไตรมาส 4/61
นายณัฐพงษ์ กล่าวถึงการลงทุนพัฒนาโครงการภายใต้บริษัทลูก SCOPE ที่ SC ถือหุ้น 90% ว่า จะเริ่มพัฒนาโครงการแรกบนที่ดินซอยหลังสวนพื้นที่ 808 ตารางวา ซึ่งเป็นที่ดินที่แพงที่สุดในประเทศไทย ปัจจุบันอยู่ระหว่างการออกแบบ คาดว่าจะเริ่มเปิดการขายในช่วงปี 62 โดยบริษัท SCOPE จะดำเนินการภายใต้นายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ซึ่งเป็นพันธมิตร โดยบริษัทมองว่าหากพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับซุเปอร์ลักชัวรี่ราคาไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท/ตารางเมตร ก็ยังมีลูกค้าที่มีความต้องการซื้ออยู่
ส่วนงบซื้อที่ดินในปีนี้ใช้เพิ่มเป็น 1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ใช้ไป 8-9 พันล้านบาท โดยบริษัทมองแนวโน้มราคาที่ดินในปีนี้จะชะลอการขึ้นเหลือเฉลี่ย 5% จากเดิมที่เพิ่มขึ้น 5-10% เนื่องจากจะซัพพลายด์ที่ดินออกมามาก จากประเด็นการจัดเก็บภาษีที่ดิน ซึ่งทำให้มีที่ดินออกมาให้เลือกมากขึ้นทั้งที่ดิน Free Hold และ Lease Hold
พร้อมประกาศโรดแมพ 3 ปี (61-63) SC RE-INVENTION 2020 ตั้งเป้าหมายยอดขาย 24,000 ล้านบาท รายได้ 22,000 ล้านบาทในปี 63 และยอดขายรวม 3 ปี มากกว่า 60,000 ล้านบาท นอกจากนี้ SC ปรับวิธีคิดจากการเป็น Developer ก้าวสู่การเป็น Living Solutions Provider ทำงานร่วมกับ partners หลากหลายใน ecosystem เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของมนุษย์ได้ดียิ่งขึ้นบน landscape ใหม่
นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านสนับสนุนองค์กร SC กล่าวว่า ในปี 61 บริษัทมีแผนการออกหุ้นกู้ 3-4 พันล้านบาท ทั้งเป็นการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ และออกหุ้นกู้เพื่อทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมที่ครบกำหนดไถ่ถอน โดยหุ้นกู้ใหม่จะมีอายุ 3-5 ปี ซึ่งบริษัทจะนำมาใช้เพื่อรองรับการลงทุนพัฒนาโครงการและใช้เพื่อการซื้อที่ดิน