นางศศิธร พงศธร (ฉัตรศิริวิชัยกุล) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH Bank) ในกลุ่มบมจ.แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป (LHBANK) เปิดเผยว่า ธนาคารตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่ออยู่ที่ 10-15% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนโต 9.1% ตามแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศที่เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน โดยคาดว่าจีดีพีจะขยายตัวแตะระดับ 4% การดำเนินธุรกิจยังคงมุ่งเน้นความเชื่อมโยงกันของบริษัทในกลุ่มการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ โดยการนำผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทในกลุ่มมาให้บริการที่ครบวงจร เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า และจากการที่กลุ่มการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ได้ผนึกกำลังเป็นพันธมิตรทางธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบกับ CTBC BANK ซึ่งเป็นการเสริมสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์และการทำงานกันอย่างใกล้ชิด เพื่อร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม รวมทั้งการขยายฐานไปยังกลุ่มลูกค้าที่ทำธุรกิจต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ผ่านเครือข่ายของ CTBC BANK
"ธนาคารได้ปรับตัวเพื่อรองรับระบบดิจิตอลแบงกิ้งอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า อย่างครอบคลุมและครบวงจร ซึ่งจะทำให้มุ่งสู่การเป็นหนึ่งในธนาคารที่มีการเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน"นางศศิธร กล่าว
นอกจากนี้ ธนาคารมีความระมัดระวังในการควบคุมคุณภาพสินเชื่อ โดยจะควบคุมอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL) ไม่ให้เกิน 2% ในปี 61 จากสิ้นปี 60 อยู่ที่ 1.88%
ขณะเดียวกัน ธนาคารยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตของบริษัทในกลุ่มการเงิน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ด้วยการมุ่งเน้นพัฒนานวัตกรรมและบริการทางการเงินใหม่ๆ รวมถึงการนำเทคโนโลยีดิจิตอล เข้ามาเสริมประสิทธิภาพและศักยภาพด้านการบริการ เพื่อสร้างมูลค่าให้กับลูกค้า และดึงลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการกับธนาคารเป็นหลัก (Main Bank) รวมถึงการเพิ่มสัดส่วนการถือครองผลิตภัณฑ์ของลูกค้าแต่ละกลุ่มให้มากขึ้น
ด้านการขยายฐานสินเชื่อ เงินฝาก และการเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียม โดยการเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ชัดเจน (Customer Segmentation) เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบโจทย์และตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม สำหรับเครือข่ายสาขาของธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ปัจจุบันมี 133 สาขา แบ่งเป็นสาขาในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 47 สาขา และสาขาในภูมิภาค 86 สาขา หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 35 และร้อยละ 65 ตามลำดับ
"ธนาคารยังไม่มีแผนปรับลดสาขาและพนักงาน เนื่องจากจำนวนสาขาที่มีอยู่มีความเหมาะสมต่อ การให้บริการ และโดยธนาคารจะปรับรูปแบบการให้บริการของสาขาให้มุ่งเน้นการบริการทางการเงินที่หลากหลายและครบวงจรแบบ One Stop Service คือ การให้บริการทางการเงินของธนาคาร การให้บริการด้านหลักทรัพย์ และการให้บริการด้านผลิตภัณฑ์กองทุนรวม"นางศศิธร กล่าว
นางศศิธร คาดว่าการตั้งสำรองฯในปี 61 จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน เพื่อทำให้เงินกองทุนของธนาคารมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ประกอบกับธนาคารมีความต้องการที่จะเพิ่มอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) ให้เป็นมากกว่า 120% จากปีก่อนที่ 110% ซึ่งจะทำให้ธนาคารมีความแข็งแกร่งและมีเสถียรภาพเพิ่มมากขึ้น ขณะที่มาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS9 จะไม่ส่งผลกระทบต่อการตั้งสำรองฯธนาคาร เพราะได้ตั้งสำรองฯรองรับมาตรฐานบัญชีดังกล่าวไปแล้ว ทำให้การตั้งสำรองฯในส่วนที่ต้องเพิ่มขึ้นตามมาตรฐานบัญชีใหม่ไม่มากนัก
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการตั้งสำรองฯจะเพิ่มขึ้น แต่ในแง่ผลการดำเนินงานในปี 61 คาดว่าจะดีขึ้นจากปีก่อนที่บริษัทมีกำไรสุทธิลดลง 3.4% มาอยู่ที่ 2.6 พันล้านบาท ซึ่งธนาคารจะเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมให้เพิ่มขึ้น เพื่อผลักดันการเติบโตของผลการดำเนินงาน โดยตั้งเป้ารายได้ค่าธรรมเนียมเติบโตเฉลี่ย 25-30% ต่อปี พร้อมกับการร่วมมือกับพันธมิตรซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัท คือ CTBC ในการขยายฐานลูกค้าไต้หวันให้เพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าปล่อยสินใหม่ให้กับลูกค้าชาวไต้หวันในปีนี้ 1 หมื่นล้านบาท จากสินเชื่อใหม่ที่ตั้งเป้าปล่อยในปีนี้รวม 2-3 หมื่นล้านบาท
ด้านสัดส่วนของพอร์ตสินเชื่อยังเน้นการขยายตัวของสินเชื่อลูกค้ารายใหญ่เป็นหลัก โดยมีสัดส่วนพอร์ตสินเชื่อลูกค้ารายใหญ่ 69% โดยมองโอกาสปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าไต้หวันที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ส่วนสินเชื่อเอสเอ็มอีจะมีสัดส่วนอยู่ที่ 14% และสินเชื่อรายย่อยจะมีสัดส่วนอยู่ที่ 17% โดยในส่วนของสินเชื่อรายย่อยประเภทสินเชื่อบ้านนั้นจะเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าระดับกลางขึ้นไปที่ซื้อบ้านระดับราคาตั้งแต่ 4 ล้านบาทขึ้นไป เพราะตลาดบ้านราคาต่ำกว่า 4 ล้านบาทยังคงมีปัญหาเกี่ยวกับความสามารถในการชำระหนี้
นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (LH Fund) กล่าวว่า สำหรับปี 61 LH Fund ได้วางเป้าหมายที่จะผลักดันขนาดกองทุนภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ให้เติบโต 40% จากปีก่อนที่ 5.97 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 8.44 หมื่นล้านบาท และเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในอุตสาหกรรมให้มากขึ้น โดยอาศัยความเชี่ยวชาญการบริหารจัดการภายใต้กลยุทธ์ Asset Allocation ที่กระจายการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนซึ่งประสบความสำเร็จอย่างดีในปี 60 ที่ผ่านมา
ด้านนางสาวเยาวลักษณ์ อร่ามทวีทอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH Securities) กล่าวว่า ในปี 60 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปรับตัวขึ้น แม้จะได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัยทั้งในและนอกประเทศ โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปิดท้ายปีที่ 1,753.71 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้นรวม 13.66% จากต้นปี 60
ปัจจัยบวกหลักมาจากนโยบายของรัฐบาล นำโดยการลงทุนขั้นพื้นฐานหลายโครงการ ตามด้วยการลงทุนในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) การคาดหวังต่อสถานการณ์ทางการเมืองของไทยที่น่าจะมีความชัดเจนขึ้น การมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ การมีสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชัดเจน และการที่สหรัฐอเมริกา มีร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีใหม่ ส่งผลให้ตลาดมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดทุนมากขึ้น และคาดว่าจะส่งผลบวกมาต่อเนื่องในปี 61
สำหรับแผนธุรกิจของ LH Securities ในปี 61 จะยกระดับระบบเทคโนโลยีเพื่อรองรับยุค FINTECH โดยเน้นการเพิ่มขีดความสามารถของเทคโนโลยี Platform เพื่อเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันพร้อมอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในการใช้บริการ รวมถึงการเพิ่มผลิตภัณฑ์การบริการซื้อขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrants หรือ DW) เพื่อให้มีบริการที่ครอบคลุมและหลากหลายมากขึ้น
ด้านผลการดำเนินงานของ LH Securities ในปีที่ผ่านมามีรายได้รวมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ 30% จากปี 59 โดยรายได้ค่านายหน้าเพิ่มขึ้น 58.2% และรายได้จากดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 41% โดยบริษัทได้ขยายสาขาทั้งในกรุงเทพฯและภูมิภาค เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้บริการของลูกค้า การปรับปรุงและพัฒนาการให้บริการแก่ลูกค้า รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า จึงส่งผลให้บริษัทได้รับการยอมรับจากลูกค้า ทำให้ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น และมีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 12,600 บัญชี หรือเพิ่มขึ้น 63.6% โดยมีลูกค้าที่ Active ในสัดส่วน 50% ของบัญชีลูกค้าทั้งหมด