นายปิยะ ยอดมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สายการบินนกแอร์ (NOK) คาดอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (Load Factor)ในไตรมาส 1/61 จะอยู่ที่ 90% สูงกว่าในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ 87.7% ขณะที่ตั้งเป้าหมาย Load Factor ไว้ที่ 90% จากปีก่อนเฉลี่ยที่ 86% ทั้งนี้ ปัจจัยที่ยังกังวลเรื่องน้ำมัรอากาศยานที่ขณะนี้ปรับตัวข้นมาที่ 82 เหรียญ/บาร์เรล จากสิ้นปีก่อนอยู่ทราว กว่า 60 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งอยู่ระหว่างบริหารจัดการ และทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันไว้บ้าง
ในปี 61 บริษัทคาดหวังจะพลิกกลับมีกำไร โดยบริษัทได้ร่วมมือกับ บมจ.การบินไทย (THAI) และ สายการบินไทยสมายล์ ภายใต้ THAI Group โดยร่วมมือทำการบินร่วม (code share) เส้นทางดอนเมือง-แม่ฮ่องสอน ที่จะลงนามความร่วมมือในวันที่ 13 ก.พ. โดย NOK จะทำการบินเองด้วยเครื่อง ATR ทีมี 72 ที่นั่ง นับว่าเป็นความร่วมมือครั้งแรก และยังมีการพิจารณาทำการบินเข้าเมืองรองอีก นอกจากนี้บริษัทยังร่วมมือภายใต้ THAI Group ในการร่วมกันจัดซื้อ การขาย ทั้งนี้ความร่ววมมือดังล่าวจะทำให้ทั้งสองฝ่ายได้รับประโยชน์ และเชื่อว่าจะช่วยผลักดันผลประกอบการของ NOK ดีขึ้น
นอกจากนี้ ในปีนี้ NOK จะสามารถรับรู้รายได้และกำไรของสายการบินนกสกู๊ด ที่ NOK ถือหุ้น 49% ซึ่งปีนี้มีทิศทางผลประกอบการที่ดี หลังจากที่จะทำการบินในตลาดญี่ปุ่น และเกาหลี ก็เชื่อว่าจะมีส่วนช่วยให้ผลประกอบการของ NOK มีโอกาสมีกำไรได้
แหล่งข่าวจาก บมจ.การบินไทย (THAI) กล่าววว่า ในปีนี้การบินไทยจะให้น้ำหนักกับตลาดประเทศ โดยยังร่วมมือกับสายการบินไทยสมายล์ และ NOK ภายใต้ THAI Group โดยจะให้ NOK ที่เชี่ยวชาญเส้นทางในประเทศ และมีเครื่องบินเล็กเหมาะสมเข้าทำการบินไปเมืองรองตามนโยบายรัฐ โดยประเดิมเส้นทางแรก กรุงเทพ-แม่ฮ่องสอน ให้ NOK ทำการบิน 3 เที่ยวบิน/สัปดาห์ โดยจะใช้เครื่องบิน ATR ซึ่งมี 72 ที่นั่ง เริ่มทำการบิน 25 มี.ค.นี้
ส่วนเส้นทางเมืองรองที่ถัดมาเป็น ดอนเมือง-สกลนคร, น่าน, แพร่, ลำปาง, ลำพูน, เชียงราย, พังงา เป็นต้นนั้น อยู่ระหว่างพิจารณา เพราะสายการบินนกแอร์ทำการบินที่สนามินดอนเมือง ขณะที่การบินไทยและไทยสมายล์ทำการบินที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยบางเส้นทางจะบินจากสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อต่อเครื่องกับการบินไทยที่สนามบินสุวรรณภูมิ
ทั้งนี้ การบินไทยจะดูแลในส่วนลูกค้าต่างประเทศ ส่วน NOK ดูแลลูกค้าไทย พร้อมกันนี้จะให้ทัวร์เอื้องหลวง รองรับนักท่องเที่ยวอีกทางหนึ่ง