โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) เลือกเป็น Top Pick กลุ่มโรงแรมปี 61 จากธุรกิจกลับมาขยายตัวเด่น และราคาหุ้นยังไม่สะท้อนผลงาน โดยคาดการณ์ว่าผลกำไรของ MINT จะเติบโตดี จากการท่องเที่ยวที่ขยายตัว และการบริโภคในประเทศที่ดีขึ้น รวมถึงธุรกิจยังจะขยายตัวได้ตามเศรษฐกิจต่างประเทศที่ฟื้นตัวขึ้นอีกด้วย ขณะที่ MINT ยังสามารถควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่ากำไรปกติในไตรมาส 4/60 ของ MINT จะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบรายไตรมาส และช่วงเดียวกันของปีก่อน รับอานิสงส์จากช่วง High Season ของธุรกิจโรงแรมในไทย และกลุ่มโรงแรม Tivoli ในโปรตุเกสที่ RevPAR เติบโตแข็งแกร่ง ขณะที่คาดรายได้ธุรกิจอาหารฟื้นตัวเล็กน้อย จากอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) เฉลี่ยทุกทวีปเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ภาพการเติบโตในปี 61 ยังคงสดใสจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยที่ยังเป็นขาขึ้น ส่วนธุรกิจอาหารได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการบริโภค ทิศทางผลการดำเนินงานยังมีโมเมนตัมที่ดีต่อในไตรมาส 1/61 เนื่องจากเป็น Peak Season ของการท่องเที่ยวไทย และภาพรวมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในปี 61 ยังคงเป็นขาขึ้น โดยเฉพาะการโปรโมทแคมเปญจากภาครัฐ และยังได้แรงหนุนจากกำลังซื้อภายในประเทศที่ดีขึ้น สอดคล้องกับภาพรวมของอุตสาหกรรมค้าปลีก
พักเที่ยงราคาหุ้น MINT อยู่ที่ 42.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้น 0.30%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) หยวนต้า (ประเทศไทย) ซื้อ 52.50 ฟิลลิป (ประเทศไทย) ซื้อ 51.00 ทิสโก้ ซื้อ 50.00 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 48.00 เคจีไอ (ประเทศไทย) ซื้อ 47.50 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า หุ้น MINT มีความน่าสนใจที่จะเข้าลงทุนได้จึงแนะนำ"ซื้อ"เนื่องจากคาดการณ์ว่าผลกำไรของ MINT ในปี 61 จะเติบโต 15% จากปีก่อน โดยคาดว่าจะมีกำไรปกติ 6,167 ล้านบาท จากปี 60 ที่คาดว่าจะมีกำไรปกติ 5,328 ล้านบาท ทั้งนี้ เป็นผลจากแนวโน้มธุรกิจที่จะได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวที่ขยายตัว และการบริโภคในประเทศก็ดีขึ้นด้วย รวมถึงธุรกิจยังจะสามารถขยายตัวได้ตามเศรษฐกิจต่างประเทศที่ฟื้นตัวขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ MINT ยังสามารถควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้นด้วย ด้าน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น MINT เลือกเป็น Top Pick กลุ่มโรงแรมปี 61 จากการขยายตัวที่โดดเด่น และราคาหุ้นยังไม่สะท้อนผลการดำเนินงาน โดยคาดกำไรปกติไตรมาส 4/60 ที่ 1,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 8 จากงวดปีก่อน จากรายได้ธุรกิจโรงแรมและส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องประเมินไว้ที่ 7,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 12% จากงวดปีก่อน นำโดยธุรกิจโรงแรมในประเทศและกลุ่มโรงแรม Tivoli ในโปรตุเกสที่รายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) เติบโตแข็งแกร่ง ทำให้ RevPAR เฉลี่ยของกลุ่มโรงแรมที่ MINT เป็นเจ้าของขยับขึ้น 13% จากงวดปีก่อน เป็น 3,900 บาท ขณะที่คาดรายได้ธุรกิจอาหารที่ 5,400 ล้านบาท ฟื้นตัวเล็กน้อย โดยเพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 3% จากงวดปีก่อน จาก SSSG เฉลี่ยทุกทวีปทรงตัว โดยเพิ่มขึ้นราว 1% จากงวดปีก่อน อย่างไรก็ตาม เห็นสัญญาณบวกของธุรกิจอาหารในประเทศ หลัง SSSG ในเดือน ธ.ค.60 เพิ่มขึ้นถึง 7% จากงวดปีก่อน เทียบกับ SSSG ที่หดตัวเฉลี่ย 2% เมื่อเทียบกับงวดปีก่อน ระหว่างเดือน ต.ค.-พ.ย.60 โดยคาดว่าธุรกิจอาหารจะยังมีโมเมนตัมเชิงบวกต่อเนื่องไปในไตรมาส 1/61 หนุนด้วยกำลังซื้อภายในประเทศที่ดีขึ้น สอดคล้องกับภาพรวมของอุตสาหกรรมค้าปลีก พร้อมคงประมาณการปี 60 ของ MINT คาดกำไรปกติเติบโต 21% เป็น 5,700 ล้านบาท และปี 61 ที่ 6,700 ล้านบาท และโมเมนตัมเชิงบวกต่อเนื่องในปีนี้ที่คาดว่ากำไรจะเติบโตได้ถึง 18% จากปีก่อน สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มโรงแรมที่ 10% ส่วน บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะ"ซื้อ"หุ้น MINT เป็น Top Pick ของกลุ่ม คาดกำไรปกติไตรมาส 4/60 ของ MINT เติบโตแข็งแกร่ง 37.9% จากไตรมาสก่อน และ 16.9% จากงวดปีก่อน โดยได้อานิสงส์จากช่วง High Season ของธุรกิจโรงแรมในไทย และส่งผลให้กำไรปกติปี 60 เติบโต 17.5% จากปี 59 ขณะที่ภาพการเติบโตในปี 61 ยังคงสดใสจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยที่ยังเป็นขาขึ้น ส่วนธุรกิจอาหารได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการบริโภค ทำให้กำไรปกติปี 61 คาดว่ายังเดินหน้าทำ New High ต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะปรับขึ้น 20.8% จากปี 60 ทิศทางผลการดำเนินงานของ MINT ยังมีโมเมนตัมที่ดีต่อในไตรมาส 1/61 เนื่องจากเป็น Peak Season ของการท่องเที่ยวไทย และภาพรวมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในปี 61 ยังคงเป็นขาขึ้นโดยเฉพาะการโปรโมทแคมเปญจากภาครัฐ เบื้องต้นคาดจำนวนนักท่องเที่ยวเติบโตอีกราว 5% เมื่อเทียบปีก่อน หรือมาที่ราว 36.5 ล้านคน ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจและการบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัวคาดว่าจะหนุนให้ธุรกิจอาหารกลับมาเติบโตและมี SSSG พลิกมาเป็นบวก โดยยังคงประมาณการกำไรปกติปี 61 ที่ 6,500 ล้านบาท เติบโต 20.8% จากปี 60 เดินหน้าทำ New High ต่อเนื่อง และคาดว่ายังมี Upside เพิ่มเติมจากกลยุทธ์การซื้อกิจการหรือร่วมลงทุน (M&A) จากเงินทุนที่พร้อมหลังการแปลงสภาพ MINT-W5 ช่วงปลายปีก่อนกว่า 7,000 ล้านบาท