บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ กล่าวว่าแผนการเข้าซื้อสัดส่วนการลงทุน 22.22% ในโครงการบงกช ของ บมจ. ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) หรือ ปตท.สผ. จะช่วยเพิ่มการผลิตปิโตรเลียมของบริษัทฯ โดย PTTEP เป็นบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมของบมจ. ปตท. (PTT) (อันดับเครดิตที่ BBB+/AAA(tha)/แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) และการเข้าซื้อสัดส่วนดังกล่าวจะทำให้ PTTEP มีสัดส่วนการลงทุนในโครงการบงกชเพิ่มขึ้นเป็น 66.67%
แผนการเข้าซื้อสัดส่วนการลงทุนดังกล่าวจากบริษัทย่อยของเชลล์ (Royal Dutch Shell) ถ้าสำเร็จ จะทำให้ปริมาณการขายปิโตรเลียมโดยรวมของ PTTEP เพิ่มขึ้นประมาณ 35,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน (คำนวณทั้งปี) จากระดับประมาณ 300,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้การผลิตปิโตรเลียมของบริษัทฯเพิ่มขึ้นในปี 2561-2562 แทนที่จะค่อยๆลดลงจากเดิมที่บริษัทฯคาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ตาม PTTEP ยังคงเผชิญกับความเสี่ยงจากการที่สัมปทานแหล่งบงกชจะหมดอายุในปี 2565-2566 โดยกระทรวงพลังงานคาดว่าน่าจะมีการเปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอประมูลแหล่งบงกชได้ในไตรมาสแรกของปี 2561 การเปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอประมูลแหล่งบงกชและแหล่งอื่นที่จะหมดอายุและการประกาศผลผู้ชนะได้ถูกเลื่อนมาจากกำหนดการครั้งก่อนที่คาดว่าจะสรุปได้ภายในเดือนธันวาคม 2560 แผนการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในโครงการบงกชของ PTTEP เป็นการตอกย้ำความมั่นใจของบริษัทฯในโครงการนี้ โดย PTTEP ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการในแหล่งบงกช ณ ปัจจุบัน น่าจะมีความได้เปรียบในการประมูล อย่างไรก็ตามถ้าบริษัทฯ เสียการถือครองแหล่งนี้ไป น่าจะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมของบริษัทฯ
ฟิทช์มองว่าปัจจัยหลักที่เป็นลบต่อสถานะทางเครดิตของ PTTEP คือปริมาณสำรองน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของบริษัทฯ ที่ยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าระดับเฉลี่ยของบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่ฟิทช์จัดอันดับเครดิตในกลุ่ม ‘BBB’ การเข้าซื้อสัดส่วนการลงทุนดังกล่าวจะไม่ทำให้ปริมาณสำรองของบริษัทฯเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะปริมาณสำรองน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่พิสูจน์แล้ว (proved reserves) โครงการบงกชมีปริมาณสำรองน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่พิสูจน์แล้วต่อการผลิต (proved reserve life) ที่ต่ำอยู่ที่ประมาณ 4 ปี ณ สิ้นปี 2559 นอกจากนี้เนื่องจากสัมปทานแหล่งบงกชจะหมดอายุในปี 2565-2566 ฟิทช์คาดว่าการดำเนินการสำรวจและพัฒนาในแหล่งนี้จะอยู่ในระดับที่ไม่มากและเป็นการดำเนินการเพื่อรักษาระดับการผลิตเป็นส่วนใหญ่ ปริมาณสำรองน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของบริษัทฯ ที่อยู่ในระดับที่ต่ำยังสะท้อนถึงการที่สินทรัพย์ส่วนใหญ่ของบริษัทฯ อยู่ในประเทศไทยอีกด้วยซึ่งแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในประเทศไทยจะค่อนข้างกระจัดกระจายและมีขนาดเล็กกว่า
ฟิทช์คาดว่าสถานะของปริมาณสำรองน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของบริษัทฯ น่าจะยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำโดยทั้งปริมาณสำรองน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่พิสูจน์แล้ว (proved reserves) และปริมาณสำรองน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่พิสูจน์แล้วและที่น่าจะพบ (proved and probable reserves) ของบริษัทฯ ยังคงลดลงในปี 2560 PTTEP มีปริมาณทรัพยากร (contingent resources) อยู่เป็นจำนวนมากที่สามารถเปลี่ยนมาเป็นปริมาณสำรองได้ในอนาคตด้วยการลงทุนที่เพียงพอ อย่างไรก็ตามสถานะของปริมาณสำรองที่พิสูจน์แล้วจากแหล่งที่มีอยู่ไม่น่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญได้ในระยะเวลาสองปีข้างหน้า
การเข้าซื้อสัดส่วนการลงทุนในโครงการบงกชคิดเป็นมูลค่าก่อนภาษีประมาณ 750 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งไม่น่าจะมีผลกระทบต่อฐานะการเงินของบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากปัจจุบัน PTTEP มีเงินสดมากกว่าหนี้สิน และมีเงินสดอยู่มากถึง 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ณ สิ้นปี 2560 การเข้าซื้อสัดส่วนดังกล่าวจะเสร็จสมบูรณ์เมื่อบรรลุเงื่อนไขตามที่ระบุไว้ในสัญญา โดยคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2561