นายบุรณิน รัตนสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจหล่อลื่น บมจ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า ปตท.ตั้งเป้ายอดขายน้ำมันหล่อลื่นในประเทศปีนี้จะเติบโตราว 5-10% ดีกว่าตลาดรวมที่คาดว่าจะเติบโตระดับ 3-5% ซึ่งดีกว่าปีก่อนที่ยอดขายน้ำมันหล่อลื่นหดตัวราว 5% ตามตลาดรวม โดยยังมั่นใจจะรักษาส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ได้ต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 ด้วยส่วนแบ่งตลาดรวมที่ราว 25% ขณะที่มีแผนจะรุกตลาดอุตสาหกรรมที่ยังมีศักยภาพการเติบโตมากขึ้น ส่วนตลาดรถยนต์ยังมีแนวโน้มทรงตัว พร้อมกับการขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้นด้วย
"ปีนี้เราคาดว่าตลาดจะไม่หดตัวเพราะเทคโนโลยีต่าง ๆ เริ่มอยู่ตัวแล้ว ถ้าดูตามภาวะเศรษฐกิจที่คาดจีดีพีโต 4-5% และมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน พวกอุตสาหกรรมก่อสร้างเครื่องจักรกลทั้งหลาย ต้องการน้ำมันหล่อลื่น น้ำมันเกียร์ น้ำมันไฮโดรลิก หรือน้ำมันที่ใช้สำหรับรถในการขนส่งหิน,ทราย ซึ่งทำให้มีกลุ่มพวกนี้มีโอกาสเติบโตได้...เราคาดการณ์ว่าตลาดรวมปีนี้น่าจะโตประมาณ 3-5% แต่เราก็ตั้งเป้าของเราในประเทศจะโตอย่างน้อย 5-10% เพราะเราเริ่มขยายไปภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น"นายบุรณิน กล่าว
นายบุรณิน กล่าวว่า ตลาดน้ำมันหล่อลื่นในประเทศไทยมีประมาณ 800 ล้านลิตร/ปี โดยราวครึ่งหนึ่งมาจากการผลิตของกลุ่มบริษัทน้ำมัน และอีกราวครึ่งหนึ่งมาจากแบรนด์น้ำมันหล่อตลาดน้ำมันหล่อลื่นต่าง ๆ ซึ่งรวมการนำเข้าด้วย โดยปี 60 ความต้องการน้ำมันหล่อลื่นลดลงราว 5% ซึ่งเป็นไปตามทิศทางของเทคโนโลยีที่สามารถผลิตน้ำมันหล่อลื่นได้มีคุณภาพมากขึ้น ทำให้ยืดอายุการใช้งานได้นานขึ้น รวมถึงในไตรมาส 3/60 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีปัญหาน้ำท่วม ทำให้การก่อสร้างชะลอตัวไป โดยในส่วนของยอดขายของปตท.ก็หดตัวลง 5% ตามตลาดรวม
ในปีนี้ ปตท.วางเป้าหมายปริมาณขายน้ำมันหล่อลื่นเติบโตได้ดีกว่าตลาด นอกเหนือจากการรุกตลาดอุตสาหกรรมแล้ว ยังจะเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ เช่น กลุ่มโลจิสติกส์รถขนาดใหญ่ ,ช่องทางจำหน่ายออนไลน์ ,ศูนย์บริการยานยนต์ต่าง ๆ รวมถึงการขยายศูนย์บริการยานยนต์ของปตท. ในนาม FIT Auto ที่ ปตท.วางเป้าหมายจะขยายสาขาเพิ่มเป็น 45 แห่งในสิ้นปีนี้ จาก 33 แห่งในปัจจุบัน และเพิ่มเป็น 100 แห่งใน 5 ปี รวมถึงจะขยายไปยังกลุ่ม Liquid Engineering ที่ช่วยรักษาดูแลรถยนต์ เพื่อตอบสนองพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความต้องการดูแลรักษารถยนต์มากขึ้น เช่น น้ำยาเช็ดยางล้อ รวมถึงมีอุปกรณ์ไส้กรองต่าง ๆ ด้วย
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะรุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยวางเป้าหมายภายใน 5 ปีจะมีสัดส่วนการขายต่างประเทศเพิ่มเป็น 30% ใน 3-5 ปี จากปัจจุบัน 15% โดยรุกในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) และเริ่มขยายไปยังเอเชียตะวันออก อย่างจีน เอเชียใต้ อย่างบังคลาเทศ และเริ่มที่จะบุกไปแอฟริกา ซึ่งเป็นประเทศในกลุ่มที่กำลังเติบโต
ส่วนการเจาะตลาดในประเทศที่พัฒนาแล้ว จะเน้นในเรื่องน้ำมันหล่อลื่นสำหรับรถแข่ง เป็นต้น โดยการขยายตลาดต่างประเทศจะเป็นส่วนที่ช่วยให้ธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นเติบโตได้ต่อเนื่องในอนาคต หากตลาดในประเทศเริ่มทรงตัว และแนวโน้มที่จะหดตัวจากรถยนต์ไฟฟ้าที่จะเข้ามามากขึ้น
ปัจจุบัน ปตท.อยู่ระหว่างมองโอกาสการตั้งฐานผลิตน้ำมันหล่อลื่นในต่างประเทศเพิ่มเติม จากปัจจุบันที่มีอยู่ในสิงคโปร์ และ จีน โดยมองโอกาสที่เอเชียใต้ ซึ่งอาจจะเป็นบังคลาเทศ หรืออินเดีย และตะวันออกกลาง เพื่อใช้ฐานส่งไปยังแอฟริกา
สำหรับปริมาณขายน้ำมันหล่อลื่นของปตท.ในปีที่แล้ว อยู่ที่ราว 200 ล้านลิตร โดยประมาณ 150 ล้านลิตรเป็นการขายในประเทศ และ 25 ล้านลิตรเป็นการขายต่างประเทศ ส่วนที่เหลือเป็นการขายน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานด้วย ขณะที่วางเป้าหมายในอีก 5 ปีข้างหน้าจะปริมาณขายเพิ่มเป็นเท่าตัวเป็นประมาณ 300-400 ล้านลิตร/ปี ซึ่งจะเป็นทั้งการเติบโตแบบ organic และ inorganic อาจเป็นทั้งการร่วมทุน หรือการทำดีล M&A