บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) แจงกำไรสุทธิปี 60 เติบโตร้อยละ 2.38 จากปีก่อน หลังมีค่าการกลั่นสูงขึ้น แม้จะได้รับผลกระทบจากการหยุดซ่อมบำรุงหน่วยกลั่น ทำให้กลั่นน้ำมันลดลง
นายวิลเลียม ลูอีส สโตน กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ SPRC เปิดเผยว่า ไตรมาส 4/60 บริษัทมีกำไรสุทธิ 78 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2,573 ล้านบาท โดยเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 3/60 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 84 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2,819 ล้านบาท) และไตรมาสที่ 4/59 มีกำไรสุทธิ 79 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2,810 ล้านบาท
ในปี 2560 บริษัทมีกำไรสุทธิรวม 261 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 8,895 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2559 จำนวน 245 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 8,688 ล้านบาท เนื่องจากค่าการกลั่น (GRM) ทางการตลาด ซึ่งไม่รวมผลกระทบจากสต็อกน้ำมัน ในปี 2560 จำนวน 7.34 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลสูงขึ้น เมื่อเทียบกับปี 2559 จำนวน 6.68 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
SPRC แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯเพิ่มเติมว่า ในปี 2560 มีปริมาณน้ำมันดิบที่นำเข้ากลั่น 1.52 แสนบาร์เรล/วัน คิดเป็นร้อยละ 92.4 ของกำลังการกลั่น ลดลง 1 หมื่นบาร์เรล/วันจาก ปี 2559 โดยเป็นผลกระทบจากการหยุดซ่อมบำรุงหน่วย CDU ในเดือนมิถุนายน 2560 และหน่วย RFCCU ในเดือนตุลาคม 2560 โดยรายได้รวมทั้งปีเพิ่มขึ้นจาก 4,374 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 155,082 ล้านบาท ในปี 2559 เป็น 5,009 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 170,535 ล้านบาท ในปี 2560 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของราคาขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม แต่ถูกหักกลบบางส่วนจากการลดลงของปริมาณการขาย
ถึงแม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่น ในปี 2560 SPRC มีค่าการกลั่นตลาด 7.34 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งสูงกว่าปี 2559 เนื่องจากอุปสงค์ที่มากขึ้นและอุปทานน้ำมันที่ลดลงจากการเกิดพายุแถบชายฝั่งสหรัฐอเมริกาในไตรมาส 3/60 ขณะที่มีค่าการกลั่นทางบัญชี ซึ่งรวมผลกระทบจากการตีราคาสินค้าคงเหลือ ในปี 2560 อยู่ที่ 8.52 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จากระดับ 7.93 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ในปี 2559 โดยผลจากการสูงขึ้นของทั้งค่าการกลั่นทางบัญชี และค่าการกลั่นตลาดในปี 2560 รวมถึงกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่สูงขึ้นเนื่องจากการแข็งค่าของเงินบาท ทำให้กำไรสุทธิในปี 2560 สูงขึ้นจากปี 2559