นายธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ บมจ.แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (GOLD) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนขายสินทรัพย์ประเภทสิทธิการเช่าระยะยาวในโครงการเอฟวายไอ เซ็นเตอร์ มูลค่ากว่า 5 พันล้านบาท ให้กับทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โกลเด้นเวนเจอร์ (GVREIT) ภายในปี 61 ซึ่งมีผู้เช่าส่วนอาคารสำนักงานแล้วกว่า 98%
ทั้งนี้ หากดำเนินการดังกล่าวเสร็จสมบูรณ์จะทำให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้จากขายสินทรัพย์ดังกล่าวเข้ามา และช่วยเสริมให้กองทรัสต์ GVREIT เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ผ่านการลงทุนในสิทธิการเช่าทั้ง 3 อาคารที่มีศักยภาพสูงของกรุงเทพฯ ได้แก่ อาคารปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์ ติดบีทีเอสสถานีเพลินจิต, อาคารสาทรสแควร์ ติดบีทีเอสสถานีช่องนนทรี และ เอฟวายไอ เซ็นเตอร์ ติดเอ็มอาร์ทีสถานีศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ขณะเดียวกันบริษัทยังมีความมุ่งมั่นในการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันระดับสากลผ่านความร่วมมือระหว่าง "โกลเด้นแลนด์ และเฟรเซอร์ส" เพื่อพัฒนาโครงการต่างๆ ของโกลเด้นแลนด์ โดยได้ผสานองค์ความรู้ เทคโนโลยี และความชำนาญในการพัฒนา การลงทุน และการบริหารโครงการระดับนานาชาติของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด (Frasers Property Limited) ต่อยอดให้กับความชำนาญในการพัฒนา และบริหารอสังหาริมทรัพย์ในประเทศของโกลเด้นแลนด์ พร้อมกับการเพิ่มศักยภาพของพนักงาน ซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนองค์กร โดยกำหนดให้เป็นปีองค์กรแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization) โดยเน้นการฝึกอบรม การเรียนรู้ ด้านการบริหารจัดการ และการพัฒนาศักยภาพของ แต่ละบุคคลมากขึ้น พร้อมส่งเสริมให้พนักงานเรียนรู้ทั้งใน และนอกองค์กร เพื่อพัฒนาคุณภาพ และเพิ่มศักยภาพของพนักงานในระยะยาว
ด้านเป้าหมายของบริษัทในงวดปีนี้ (1 ต.ค.60-30 ก.ย.61) ตั้งเป้ายอดขายที่ 2.66 หมื่นล้านบาท และเป้ารับรู้รายได้รวม 1.78 หมื่นล้านบาท โดยเปิดขายโครงการแนวราบในทุกเซกเมนต์ ผ่านโครงการที่เปิดขายรวม 79 โครงการ แบ่งออกเป็น โครงการที่เปิดขายเดิมจำนวน 45 โครงการ และมีแผนงานเปิดโครงการใหม่อีก 34 โครงการ รวมมูลค่าโครงการ 3.96 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น บ้านเดี่ยว 4 โครงการ บ้านแฝด 8 โครงการ ทาวน์โฮม 20 โครงการ และโครงการในต่างจังหวัด 2 โครงการ
อีกทั้งยังมีการลงทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพระบบฐานข้อมูลของบริษัท ซึ่งได้ลงทุนไปกว่า 80 ล้านบาท ในแซป ฮาน่า (SAP HANA) เป็นระบบวางแผนทรัพยากรองค์กร (Enterprise Resource Planning) ที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน เพื่อเข้าเสริมงานวางแผน (Planning) งานผลิต (Production) งานขาย (Sale) งานทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource) และงานบัญชีการเงิน (Accounting/Finance) ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน สามารถวิเคราะห์ข้อมูล ในวางแผนพัฒนาโครงการได้อย่างแม่นยำ
""บริษัทกำหนดให้ปี 61 เป็นปีแห่งการเพิ่มมูลค่าและศักยภาพขององค์กร ซึ่งจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นว่ากลยุทธ์องค์กรของปี 61จะช่วยเพิ่มมูลค่าและศักยภาพขององค์กร ทำให้บริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายในการเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 5 อันดับแรกของประเทศไทยภายในปี 63 ที่ตั้งไว้"นายธนพล กล่าว
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 1 ของปี 60/61 (ต.ค.-ธ.ค.60) ทำผลงานสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา โดมีรายได้รวมอยู่ที่ 4.18 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 44% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 613 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 476% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งหากรวมกับงบการเงินในงวด 9 เดือน หรืองบกำไรขาดทุนประจำปีแบบปกติของปี 60 รวม 12 เดือน จะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 64% จากปีก่อน และมีรายได้รวมทั้งสิ้น 1.35 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อน