นางเสาวคุณ ครุจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สหไทย เทอร์มินอล (PORT) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตปีนี้ไม่ต่ำกว่า 10% เนื่องจากปริมาณการนำเข้าและส่งออกเติบโตอย่างต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และ จากการสนับสนุนการลงทุนด้านอุตสาหกรรมของภาครัฐในโครงการ EEC และการลงทุนในภาคเอกชนที่เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับความสนใจจากลูกค้าและสายการเดินเรือระดับโลกหลายแห่ง เนื่องจากจุดแข็งด้านการขนส่งตู้สินค้าทางเรือที่มีต้นทุนต่ำที่สุด เมื่อเทียบกับการขนส่งทางรถหรือรถไฟ อีกทั้งท่าเรือของบริษัทฯตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ของโลจิสติกส์ ตลอดจนการให้บริการที่เกี่ยวข้องอย่างครบวงจรในที่เดียว และมาตรฐานการให้บริการระดับสากล
ล่าสุด บริษัทได้รับเครื่อง Mobile X-Ray จากกรมศุลกากร มาประจำที่ท่าเรือเพื่อให้บริการอำนวยความสะดวกแก่ผู้นำเข้าและส่งออกอีกด้วย ซึ่งสามารถช่วยประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายให้แก่ลูกค้าได้อย่างมาก
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/61 บริษัทฯคาดว่ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังได้รับอานิสงส์จากเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างมาก ขณะเดียวกันบริษัทก็ตั้งเป้าการเติบโตเฉลี่ยทุกไตรมาสไม่น้อยกว่า 10%
ทั้งนี้ PORT มีแผนจะลงทุนอีกประมาณ 300 ล้านบาทในช่วงปี 61-62 เพื่อขยายโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงและจัดเก็บตู้สินค้า (Container Depot) ผ่านบริษัทย่อย BCDS เพื่อขยายความสามารถในการรองรับปริมาณตู้สินค้าที่เพิ่มขึ้น และเพื่อจัดซื้อเครื่องจักรใหม่เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพและขีดความสามารถในการให้บริการ คาดว่าจะเปิดให้บริการในเฟสแรกได้ภายในกลางปีนี้ และเฟส 2 จะให้บริการเต็ม 100% ในปี 62 โดยบริษัทฯ วางงบลงทุนรวมภายใน 2 ปี (61-62)
นอกจากนี้ ท่าเรือ บางกอก บาร์จ (BBT) ซึ่งเป็นบริษัทฯร่วมทุนกับสายการเดินเรือรายใหญ่ของญี่ปุ่น คือ Mitsui O.S.K. Lines (MOL) มีพัฒนาการและการเติบโตที่ดี และคาดว่าจะมีปริมาณตู้สินค้าเข้ามาใช้บริการผ่านระดับจุดคุ้มทุนได้ภายในไม่ช้านี้
นางเสาวคุณ กล่าวว่า บริษัทคาดว่าทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจจะมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ บริการท่าเทียบเรือและขนถ่ายตู้สินค้า ,บริการซ่อมบำรุงตู้สินค้า ,บริการขนส่งตู้สินค้าทางบกและทางน้ำ และบริการคลังสินค้า มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ธุรกิจบริการท่าเทียบเรือและขนถ่ายตู้สินค้าในปีนี้คาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 80% จากเดิม 75% เนื่องจากงานขนส่งตู้สินค้าระหว่างประเทศเติบโตค่อนข้างมาก ขณะที่ธุรกิจท่าเทียบเรือชายฝั่ง ของบริษัท บางกอก บาร์จ เทอมินอล จำกัด (BBT) ก็ถือว่ามีความต้องการใช้บริการตู้สินค้าสูง โดยปีนี้จะมีการรวมตัวกันของสายการเดินเรือประเทศญี่ปุ่นเข้ามาใช้บริการ ซึ่งบริษัทจะเริ่มให้บริการได้ในเดือนเม.ย.นี้ ทำให้คาดว่าปีนี้จะมีปริมาณตู้สินค้าเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 110,000 ตู้ จากปีก่อนอยู่ที่ 80,000 ตู้
ส่วนธุรกิจบริการคลังสินค้า บริษัทฯคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปีในปีนี้ หลังจากเปิดให้บริการในปีที่ผ่านมา
นางเสาวคุณ กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรในธุรกิจโลจิสติกส์ แบ่งเป็นในประเทศ 2-3 ราย และในภูมิภาคเอเชีย ราว 2 ราย เพื่อเข้าลงทุนในทุกรูปแบบ คาดว่าปีนี้จะสามารถสรุปได้อย่างน้อย 1 ดีล