ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ. ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ (RP) ที่ระดับ "BB+" โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงธุรกิจเดินเรือเฟอร์รี่ของบริษัทที่มีสถานะมั่นคงบนเส้นทางจากท่าเรือดอนสัก (จังหวัดสุราษฎร์ธานี) ถึงเกาะสมุยและเกาะพงัน รวมถึงประวัติการดำเนินงานที่ยาวนานมากกว่า 35 ปี อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกลดทอนจากขนาดธุรกิจที่เล็ก ตลอดจนการกระจุกตัวของพื้นที่ในการเดินเรือ ความกังวลต่อสภาพกองเรือที่เก่า และความเป็นไปได้ที่ภาระหนี้จะสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากแผนการขยายกองเรือของบริษัท
บริษัทท่าเรือราชาเฟอร์รี่ดำเนินธุรกิจเดินเรือเฟอร์รี่มาตั้งแต่ปี 2524 และเป็นผู้ให้บริการที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปัจจุบันบริษัทเป็นเจ้าของเรือเฟอร์รี่ทั้งหมด 14 ลำและท่าเรือสากลจำนวน 2 ท่า ได้แก่ ท่าเรือดอนสักและท่าเรือเกาะสมุย การมีขนาดกองเรือที่ใหญ่ส่งผลทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการการเดินเรือให้มีความยืดหยุ่นได้เหนือกว่าคู่แข่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของจำนวนรอบของเที่ยวเรือในช่วงที่มีความต้องการสูง นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถบริหารการเดินเรือให้เป็นไปตามตารางเวลาแม้ในช่วงที่เรือบางลำไม่สามารถให้บริการได้เนื่องจากปัญหาทางเทคนิคหรืออยู่ในช่วงซ่อมบำรุงตามกำหนด ในช่วง 5 ปี (ระหว่างปี 2555 ถึง 9 เดือนแรกของปี 2560) อัตราการบรรทุก (Load Capacity) ยานพาหนะและผู้โดยสารของกองเรือของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 70%-80% และต่ำกว่า 20% ตามลำดับ ทั้งนี้ บริษัทได้รับประโยชน์จากการมีท่าเรือเป็นของตนเองซึ่งทำให้บริษัทสามารถควบคุมการปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่ทั้งในเรื่องของการขึ้นเรือและลงเรือ การเดินเรือรวมถึงการให้บริการต่าง ๆ แก่ลูกค้า
ธุรกิจของบริษัทจัดว่ามีขนาดเล็กเมื่อพิจารณาจากขนาดของรายได้และกระแสเงินสด ทั้งนี้ ขนาดของธุรกิจที่เล็กแสดงถึงความสามารถในการแบกรับภาระหนี้ที่มีค่อนข้างต่ำ นอกจากนี้ รายได้ของบริษัทยังขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจในจังหวัด สุราษฎร์ธานีและเกาะสมุยเป็นอย่างมากอีกด้วย ทริสเรทติ้งเห็นว่าขนาดของตลาดที่เล็กและแหล่งรายได้ที่ไม่กระจายตัวจะเป็นปัจจัยปิดกั้นโอกาสในการเติบโตของบริษัทในระยะยาวและส่งผลให้บริษัทมีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงในด้านลบที่เกิดในพื้นที่ดำเนินธุรกิจของบริษัท
กองเรือเฟอร์รี่ของบริษัทมีอายุค่อนข้างมากอันเนื่องมาจากนโยบายของบริษัทที่มีเป้าหมายในการซื้อเรือเฟอร์รี่มือสอง โดยอายุเฉลี่ยของเรือเฟอร์รี่ของบริษัทอยูที่ 35 ปี อายุเรือที่มากเป็นปัจจัยลดทอนความสามารถในการทำกำไรในระยะยาวของบริษัทซึ่งเห็นได้จากค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงรักษาเรือที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องหยุดให้บริการนานขึ้นเพื่อซ่อมแซมและบำรุงรักษาเรือเฟอร์รี่บางลำ
ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 ต่ำกว่าที่ทริสเรทติ้งคาดไว้ โดยกำไรที่ลดลงนั้นสะท้อนถึงต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นและค่าใช้จ่ายจากการริเริ่มกิจกรรมต่าง ๆ (เช่น การสร้างภาพลักษณ์องค์กรและการพัฒนาตลาดออนไลน์) ในระหว่างปี 2559-2560 อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มราคาน้ำมันดีเซลที่คาดว่าน่าจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทริสเรทติ้งมองว่าบริษัทน่าจะสามารถปรับเพิ่มราคาค่าโดยสารได้ภายในปีนี้เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้อัตรากำไรฟื้นตัวได้บางส่วน
บริษัทมีแผนจะปรับปรุงท่าเรือดอนสักครั้งใหญ่และจะซื้อเรือมือสองเพิ่มอีก 2 ลำโดยจะเริ่มในปี 2561 เป็นต้นไป ค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 350-420 ล้านบาท ซึ่งการซื้อเรือเฟอร์รี่มือสองนั้นจะใช้เงินกู้จากธนาคารคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 80%-90% ของมูลค่าเรือ จากภาระเงินกู้ที่อยู่ในระดับต่ำจึงคาดว่าโครงสร้างทางการเงินของบริษัทนั้นจะยังคงแข็งแรงในช่วงหลังการลงทุน โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนคาดว่าจะสูงขึ้นแต่จะไม่เกิน 25%
สภาพคล่องของบริษัทจัดว่ายังคงมีเพียงพอโดยปัจจุบันบริษัทไม่มีหนี้เงินกู้ระยะสั้น แหล่งที่มาของเงินทุนของบริษัทในระยะ 12 เดือนข้างหน้าจะมาจากเงินทุนจากการดำเนินงานประมาณ 130-150 ล้านบาทและเงินสดในมืออีกประมาณ 140 ล้านบาท ในขณะที่ภาระหนี้เงินกู้ที่ต้องชำระในอีก 12 เดือนข้างหน้าจะอยู่ที่ประมาณ 30 ล้านบาท
แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันและตำแหน่งทางการตลาดพร้อมทั้งยังคงรักษาสถานะทางการเงินในระดับที่ดีเอาไว้ได้ ทริสเรทติ้งคาดการณ์ในกรณีพื้นฐานว่ารายได้ของบริษัทจะเติบโตประมาณ 4%-5% ต่อปี อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 18%-20% ในระยะ 3 ปีข้างหน้า ในขณะที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมคาดว่าจะอยู่สูงกว่าระดับ 50% ในช่วงการลงทุน
อันดับเครดิตของบริษัทไม่น่าจะมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นเมื่อพิจารณาจากความสามารถในการดำเนินงานในปัจจุบัน อย่างไร ก็ตาม อันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มขึ้นได้หากบริษัทสามารถขยายฐานรายได้ให้กว้างขึ้นและฟื้นฟูความสามารถในการทำกำไรในขณะที่ยังคงรักษาสถานะทางการเงินที่ดีเอาไว้ได้ด้วย
อันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทอยู่ต่ำกว่าระดับ 20% เป็นระยะเวลานาน โดยกรณีดังกล่าวอาจเกิดจากการลดลงของจำนวนผู้โดยสารอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและ/หรือการมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงที่มากกว่าที่คาดไว้