นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย ยังคงเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET index) ในปีนี้ตามที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 1,850 จุด และมองว่าดัชนีจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือน มี.ค.61 โดยคาดว่าจะเห็นกระแสเงินทุนไหลเข้าจากนักลงทุนต่างชาติ และภาพรวมผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ปี 61 ค่อนข้างไปในเชิงบวก แต่ทั้งนี้ยังเห็นความเสี่ยงจากปัญหาด้านการเมือง โดยหากร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ต้องถูกเลื่อนออกไปมากอาจส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งและความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ขณะเดียวกัน ช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีความผันผวนค่อนข้างมาก แต่มองว่าเป็นเพียงการปรับฐานระยะสั้นจากแรงขายทำกำไร หลังขึ้นมาค่อนข้างมากกว่า 30% ในช่วง 10 เดือนก่อนหน้านี้ โดยหลังจากนี้คาดว่าจะมี Downside ไม่เกิน 1-6% หรือประมาณ 1,000-1,400 จุด และจะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นสหรัฐฯจะมีผลกระทบต่อ SET index ไม่มากเนื่องจากมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างต่ำในระดับไม่เกิน 15% ซึ่งหากตลาดหุ้นสหรัฐฯผันผวนรุนแรง ก็อาจจะไม่ได้ทำให้ตลาดหุ้นไทยอาจไม่ปรับตัวลงรุนแรงตามไปด้วย เพราะปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติมีอัตราการถือครองในตลาดหุ้นไทยค่อนข้างต่ำ แต่เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีแรงขายสุทธิน้อยลง
ส่วนอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯมองว่าเป็นขาขึ้น แต่ยังอยู่ในระดับที่เอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวอยู่ที่ระดับ 2.8% เป็นระดับที่ไม่น่ากังวลเนื่องจากยังสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับ 2.1% แต่ต้องเริ่มระวังผลกระทบจากจากราคาน้ำมันที่เป็นขาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งอัตราว่างงานของสหรัฐฯค่อนข้างต่ำที่ 4% และสหรัฐฯมีแผนปฏิรูปภาษีธุรกิจ ทำให้ค่าจ้างอาจทำ new high ประกอบกับเศรษฐกิจที่ขยายตัวดี อาจทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อตามมา แต่อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อที่ประมาณ 2% ยังต่ำกว่า GDP ที่อยู่ราว 2.5-3% มองว่ายังไปต่อได้
สำหรับประเทศไทย คาดว่าจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นตามสหรัฐฯในช่วงกลางปี 61 ซึ่งอาจส่งผลให้ค่า P/E และ Price per book ของหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้นตรงข้ามทิศทางตลาด และยังแนะนำให้ลงทุนในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากมองว่าจะได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้นและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกันเชื่อว่านักลงทุนต่างชาติจะกลับมาซื้อหุ้นไทยในช่วงเดือน มี.ค.61 เนื่องจากก่อนหน้านี้ขายสุทธิไปค่อนข้างมาก ประกอบกับเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งตามสถิติ 9 ปีที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติจะเข้าซื้อหุ้นไทยมากที่สุดในช่วงเดือน มี.ค.เฉลี่ยราว 1.7 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะทำให้สัดส่วนการถือครองของนักลงทุนต่างชาติอยู่ในระดับค่าเฉลี่ยราว 35% ของมูลค่าตลาด จากปัจจุบันที่ 32%
อีกทั้งผลตอบแทนและเงินปันผล (SET total return) ในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย เฉลี่ย 5 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ราว 4.5% ซึ่งเป็นช่วงเวลา Golden Period เพื่อเข้าลงทุนในหุ้นที่มีปันผลดี โดยแนะนำให้ซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในช่วงนี้ก่อนวัน XD และขายหลังจากนั้น เพื่อได้ผลตอบแทนสูงสุด
"จากการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ผ่านมามีภาพรวมที่ดี และบริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานดี แต่กำไรสุทธิอาจไม่หวือหวา เป็นเพราะแรงกดดันจากการตั้งสำรองค่อนข้างมาก" นายประกิต กล่าว