นายประเสริฐ มริตตะพร กรรมการบริหารและผู้บริหารอาวุโส บมจ.ช. การช่าง (CK ) กล่าวว่า บริษัทยังมั่นใจว่างานประมูลภาครัฐเปิดประมูลอย่างมากในปีนี้ แม้ว่าในช่วงไตรมาส 1/61 ยังไม่เห็นสัญญาณการเปิดประมูล แต่เชื่อว่าในไตรมาส 2-4 นี้งานจะออกมาจำนวนมาก และยังคงคาดว่าบริษัทมีโอกาสได้งานราว 20-25%ของมูลค่างานที่ออกประมูล
ทั้งนี้ โครงการที่คาดว่าจะออกประมูลปีนี้ ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ มูลค่า 1.3 แสนล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงบางแค-พุทธมณฑล 4 มูลค่า 2.12 หมื่นล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-ตลิ่งชัน มูลค่า 8.5 หมื่นล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงสมุทรปราการ-บางปู มูลค่ารวมประมาณ 3 แสนล้านบาท และรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 จำนวน 9 เส้นทาง มูลค่ารวมราว 1 แสนล้านบาท รวมแล้วประมาณ 4 แสนล้านบาท นอกจากนี้มีงานโครงการทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือตอน N2 ช่วงเกษตร-นวมินทร์ และโครงการทางด่วนพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร
"เรายังมั่นใจว่างานประมูลน่าจะมาปีนี้ ไตรมาสแรกข่าวประมูลยังไม่เห็น แต่คาดว่าในไตรมาส 2-4 น่าจะออกมาพอสมควร"นายประเสริฐ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
อย่างไรก็ดี ในไตรมาส 1/61 บริษัทคาดว่ารายได้ใกล้เคียงไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากงานก่อสร้าง จำนวน 8 พันล้านบาท โดยทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) ที่มีอยู่ราว 7 หมื่นล้านบาท และทั้งปี 61 คาดว่ารายได้อยู่ที่ 3.5 หมื่นล้านบาทใกล้เคียงปี 60 ขณะที่จะรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ที่ 8-10%
นายประเสริฐ กล่าวว่า การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 5-22 บาท/วันทั่วประเทศมาที่ 308-330 บาท/วันนั้น ทาง CK แทบไม่ได้รับผลกระทบ เพราะค่าแรงที่จ่ายปัจจุบันสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำ และงานกว่า 50% ได้ให้ผู้รับเหมาอื่นรับช่วงทำงาน ซึ่งผู้รับเหมาช่วงเป็นผู้รับผิดชอบค่าแรงเอง
สำหรับความคืบหน้างานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันออก) กับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จำนวน 3 สัญญาที่ กิจการร่วมค้า ซีเคเอสที โดย CK ร่วมกับ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) สัดส่วน 60:40 นั้น ขณะนี้เริ่มงานก่อสร้างเมื่อปลายปีที่แล้ว งานก้าวหน้า 5% โดยมีระยะเวลาก่อสร้างกว่า 5 ปี หรือ 1,980 วัน ซึ่งโครงการนี้มีมาร์จิ้นดี
ทั้งนี้งาน 3 สัญญา ได้แก่ สัญญาที่ 1 งานก่อสร้างใต้ดิน ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-รามคำแหง 12 มูลค่าสัญญาทั้งสิ้น 20,633 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) สัญญาที่ 2 งานก่อสร้างใต้ดิน ช่วงรามคำแหง 12-หัวหมาก มูลค่าสัญญาทั้งสิ้น 21,507 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) และสัญญาที่ 5 งานก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงและอาคารจอดรถ มูลค่าสัญญาทั้งสิ้น 4,831.24 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
ด้านนายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการ ของ CK กล่าวว่า ผลประกอบการ ณ สิ้นปี 60 คาดว่ารายได้ก่อสร้างของบริษัทจะเป็นไปตามเป้าที่ได้ตั้งไว้ คือ 3.5 หมื่นล้านบาท และมีกำไรขั้นต้นอยู่ในระดับประมาณ 8% โดยบริษัทมีความพร้อมจะลงทุนโครงการขนาดใหญ่ได้อย่างต่อเนื่อง ณ ปัจจุบันสัดส่วนหนี้สินต่อทุนสุทธิ (Net D/E) อยู่ในระดับ 1.35 เท่า
สำหรับในปี 61 บริษัทพร้อมที่จะเข้าประมูลงานก่อสร้างตามนโยบายภาครัฐในทุกโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าปีนี้ภาครัฐจะเปิดโครงการประมูลกว่า 4 แสนล้านบาท ด้านโครงการในต่างประเทศคาดว่าจะมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ ใน สปป.ลาว ซึ่งทางบมจ.ซีเค พาวเวอร์ (CKP) คาดว่าจะมีความคืบหน้าออกมาในกลางปี 61 และการงานก่อสร้างระบบประปาในเมียนมา ซึ่งทางบมจ.ทีทีดับบลิว (TTW) ได้เจรจากับรัฐบาลเมียนมาเรียบร้อยแล้วด้วย
"จากผลการประมูลในอดีตบริษัทมี Winning rate ประมาณ 50% สำหรับงานรถไฟฟ้าช่วงใต้ดิน 20-25% สำหรับงานรถไฟฟ้าโครงสร้างยกระดับและทางด่วน ซึ่งงานเหล่านี้บริษัทมีความเชี่ยวชาญ สามารถบริหารจัดการด้านการก่อสร้าง การเงิน และดูแลผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดีนอกเหนือจากโครงการที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรือ EEC ที่รัฐบาลจะผลักดันออกมาในเร็ว ๆ นี้ ทั้งรูปแบบที่ให้เอกชนเข้าประมูล และรูปแบบความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชนหรือ PPP CK
และบริษัทในกลุ่มทั้งหมดได้เตรียมความพร้อมเพื่อเข้าร่วมประมูลอย่างแน่นอน โดยขณะนี้โครงการก่อสร้างในประเทศยังเป็นเป้าหมายหลักของ CK และเรายังได้เตรียมความพร้อมด้านเทคโนโลยี วิศวกรรมและการก่อสร้าง การพัฒนาบุคลากร การเงิน และการเตรียมความพร้อมระหว่างพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อรองรับโครงการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต"นายปลิว กล่าว