นายวิน พรหมแพทย์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล เปิดเผยว่า บริษัทจัดการได้เปิดตัวกองทุนเปิด ‘ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล โกลบอล แมนเนจ โวลาทิลี้ อิควิตี้’ หรือ CIMB-Principal Global Managed Volatility Equity Fund (CIMB-PRINCIPAL GMV) เป็นกองแรกของปีนี้ โดยเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ตั้งแต่วันที่ 19-27 กุมภาพันธ์ 2561 เพื่อให้เหมาะกับการลงทุนภายใต้ธีม Stay Invested and Stay Diversified
กองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล โกลบอล แมนเนจ โวลาทิลี้ อิควิตี้ มีทุนจดทะเบียน 5,000 ล้านบาท โดยมีนโยบายลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองเดียวคือ Acadian Global Managed Volatility Equity UCITS Fund ชนิดหน่วยลงทุน A USD Accumulation เป็นกองทุนหลัก เฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งกองทุนดังกล่าวบริหารจัดการโดย Russell Investments Ireland Limited เป็นบริษัทจัดการและมี Acadian Asset Management, LLC. เป็นผู้บริหารเงินลงทุน
สำหรับจุดเด่นของ Acadian Global Managed Volatility Equity UCITS Fund คือการใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบ ‘Managed Volatility’ โดยใช้หลัก Internal Quant Model ที่เป็นโมเดลของทาง Acadian ในการคัดเลือกหุ้นในตลาดทั่วโลกและประเมินสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมในแต่ละสถานการณ์ เพื่อกระจายพอร์ตลงทุนให้มีความผันผวนต่ำ ช่วยลดผลกระทบในภาวะที่ตลาดปรับลดลงและคาดหวังผลตอบแทนที่ดีในช่วงตลาดขาขึ้น ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนระยะยาว และมีโอกาสให้อัตราผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในรูปแบบ Minimum Variance
ขณะที่ Acadian Asset Management, LLC. ซึ่งเป็นผู้บริหารเงินลงทุนใน Acadian Global Managed Volatility Equity UCITS Fund ถือเป็นผู้ริเริ่มกลยุทธ์การลงทุนแบบ Managed Volatility เป็นรายแรกตั้งแต่ปี 2549 โดยมีสินทรัพย์ที่อยู่ภายใต้การบริหารด้วยกลยุทธ์ดังกล่าวรวมมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งพอร์ตการลงทุนของ Acadian Global Managed Volatility Equity UCITS Fund อาทิ หุ้นของ ESTEE LAUDER COS INC THE ซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ความงามระดับโลก,
หุ้น MCDONALD’S CORP ยักษ์ใหญ่ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม, หุ้น MASTERCARD INC ผู้ให้บริการระบบจ่ายเงินผ่านบัตรอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของโลก เป็นต้น โดยนับตั้งแต่กองทุนปี 2549 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2560 ให้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 11.47% ต่อปี สูงกว่าอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีของดัชนี MSCI World ซึ่งอยู่ที่ 10.85% และปี 2554 ซึ่งเกิดวิกฤตการเงินยุโรปที่กองทุนฯ มีอัตราผลตอบแทน 7.5% เทียบกับเกณฑ์ Benchmark หรือเกณฑ์อ้างอิงผลการดำเนินงานซึ่งติดลบ 5.5% รวมถึงให้อัตราผลตอบแทนติดลบในช่วงวิกฤตการเงินโลกปี 2551 ที่น้อยกว่าดัชนีเปรียบเทียบ
ทั้งนี้ ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล มีมุมมองบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลก เริ่มจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ยังมีแรงผลักดันเชิงบวกจากเศรษฐกิจที่เติบโต ผลกำไรบริษัทจดทะเบียนและนโยบายปรับลดภาษี แต่ยังคงมีความเสี่ยงด้านราคาหุ้นที่ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดกว่า 8 ปีที่ผ่านมา ส่วนตลาดหุ้นยุโรปถึงแม้มีโอกาสปรับขึ้นจากเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเติบโตได้ดี แต่ต้องติดตามปัจจัยการเลือกตั้งในประเทศอิตาลี ประเด็น Brexit และการปรับนโยบายการเงินสู่ระดับปกติของธนาคารกลางยุโรป ส่วนตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่หรือ Emerging Markets แม้มีโอกาสปรับขึ้นจากปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจทั่วโลกที่ดีขึ้น แต่มีความเสี่ยงจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีโอกาสปรับลดลง เช่นเดียวกันตลาดหุ้นไทยที่ได้รับปัจจัยบวกจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ขยายตัว แต่ในด้านอัตรากำไรต่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียนอาจเติบโตไม่ทัน จึงอาจส่งผลให้เกิดการเทขายหุ้นได้
"บริษัทจัดการมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนตลาดหุ้นทั่วโลกในปีนี้ แต่ในระยะสั้นตลาดหุ้นประเทศต่างๆ อาจผันผวนจากปัจจัยหลายประการ เช่น ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นสูงแล้ว นโยบายการเงินการคลัง ปัจจัยการเมือง ดังนั้นบริษัทจัดการมองว่า กองทุนเปิด ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล โกลบอล แมนเนจ โวลาทิลี้ อิควิตี้ จะเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มพอร์ตลงทุนหุ้นทั่วโลกที่มีความเสี่ยงต่ำ เพื่อลดผลกระทบในช่วงตลาดผันผวนและทำกำไรได้ดีในช่วงตลาดขาขึ้น" นายวิน กล่าว