(เพิ่มเติม) BAY ตั้งเป้าขยายพอร์ตสินเชื่อธุรกิจปีนี้โต 6-8%, เงินฝากโต 6-8%,ศึกษาตั้งแบงก์เอเจนท์

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 20, 2018 13:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพรสนอง ตู้จินดา ประธานกลุ่มธุรกิจลูกค้าธุรกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) กล่าวว่า ในปี 61 ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อธุรกิจเติบโต 6-8% และ เงินฝากเติบโต 6-8% เช่นเดียวกัน จากแผนธุรกิจในช่วงปี 58-60 ที่ผ่านมา สินเชื่อเติบโตเฉลี่ย 7.5% และเงินฝากเติบโตเฉลี่ย 5%

สำหรับแผนธุรกิจในระยะกลาง (ปี 61-63) ธนาคารมุ่งนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับกระบวนการทำงาน อีกทั้งยังมีเป้าหมายในการขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มใหม่ เชื่อมโยงกับนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยแลนด์ 4.0 รวมทั้งตั้งเป้าจะขยายพอร์ตของธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์ โดยจะใช้ประโยชน์จากการทำงานร่วมกับบริษัทในเครือกรุงศรี กรุ๊ปและมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG)

"ธนาคารตั้งเป้าเป็นธนาคารหลักของลูกค้าธุรกิจ SME จากการสร้างการเติบโตทางด้านสินทรัพย์อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการให้ Working Capital Solutions ผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมพร้อมสร้างความสัมพันธ์เพิ่มรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยและเงินฝากต้นทุนต่ำ"นายพรสนอง กล่าว

นายพรสนอง กล่าวว่า ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อธุรกิจและเงินฝากเติบโตจากการมุ่งเน้นธุรกิจ SME มากขึ้น โดยภายในปี 61-63 ตั้งเป้าสินเชื่อธุรกิจ SME จะเติบโต 18-20% จากปี 60 อยู่ที่ 14% ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ยังคงควบคุมให้อยู่ต่ำกว่าระบบ

นอกจากนี้ ในด้านธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ ธนาคารฯ ตั้งเป้าเป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นทางการเงินครบวงจร และเป็นธนาคารหลักของกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ จากการมุ่งเน้นกลยุทธ์ Fee based business และการปรับสมดุลของพอร์ตสินเชื่อ โดยเน้นการเติบโตด้านสินทรัพย์และการสร้างผลกำไรอย่างยั่งยืน อีกทั้งมุ่งเน้นการสร้างและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ โดยการให้ความรู้และคำปรึกษาแก่ธุรกิจขนาดใหญ่และเอสเอ็มอี ในการขยายธุรกิจในประเทศ และต่างประเทศ ซึ่งในปัจจุบันพบว่านอกจากการลงทุนในกลุ่ม CLMV แล้ว ยังรวมถึงกลุ่มฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย

นายพรสนอง กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการตั้งแบงก์เอเจนท์ หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกกฎเกณฑ์มาบังคับใช้ โดยมองว่าจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าให้เข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่ายขึ้น เนื่องจากปัจจุบันธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่เริ่มลดจำนวนสาขาลง ซึ่งการมีตัวแทนในการทำหน้าที่ดังกล่าวแทนธนาคารหลายช่องทางเป็นสิ่งที่ดี โดยมองว่าในระยะ 3 เดือนข้างหน้าจะเริ่มเห็นการให้บริการดังกล่าวมากขึ้น

"เราอยู่ระหว่างศึกษา โดยการคัดเลือกผู้ที่จะมาเป็นแบงก์กิ้งเอเจนท์ของธนาคารกรุงศรีฯ จะต้องมีการพิจารณาอย่างมาก เนื่องจากเป็นการให้ข้อมูลลูกค้า ซึ่งอาจใช้เวลานานกว่า 3 เดือนในการพิจารณา เพราะจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้า รวมไปถึงพื้นที่ที่ยังไม่มีสาขาหรือเครือข่ายของธนาคาร แต่มีการใช้บริการที่หนาแน่น เช่น ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล"

นายพรสนอง กล่าวถึงการประเมินภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ว่า เศรษฐกิจน่าจะขยายตัวได้ 4% โดยมีปัจจัยบวกมาจากการลงทุนภาครัฐที่จะขยายตัวดีขึ้น การลงทุนภาคเอกชนและการท่องเที่ยวที่จะสูงขึ้นกว่าปีก่อน ขณะที่การส่งออกขยายตัวดีต่อเนื่องจากปีก่อน และการบริโภคภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 1.7% ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอีก 0.25% มาอยู่ที่ 1.75% ภายในปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ