นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง (PSH) เปิดเผยว่า บริษัทปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ เพิ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท ทาวน์เฮาส์ เป็นอีกหนึ่งสายงาน จากเดิมที่มีการแบ่งเป็นธุรกิจแวลู และพรีเมียม เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและรวดเร็วในการบริหารงาน โดยทาวน์เฮาส์ถือเป็นพอร์ตใหญ่ของพฤกษา คิดเป็นสัดส่วน 60% ของพอร์ตรวมทั้งหมด
ขณะที่ในปีนี้ยังคงเน้นการนำนวัตกรรมใหม่ ๆ ทั้งในด้านการก่อสร้างเพื่อพัฒนาคุณภาพของสินค้า ควบคู่กับการสร้างแบรนด์พฤกษาให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นเพื่อก้าวไปสู่แบรนด์อันดับหนึ่งในใจคนไทย และคงความเป็นที่หนึ่งในตลาดอสังหาริมทรัพย์
นอกจากนี้ยังได้วางกลยุทธ์ในการเพิ่มยอดขายด้วย Pruksa Member การขายไร้ขอบเขต เพื่อขยายช่องทางการขาย ที่เน้นการบอกต่อ และการแนะนำ เพียงสมัครเป็นสมาชิก Pruksa Member และปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด เช่น แนะนำเพื่อนที่สนใจซื้อบ้าน การพาเยี่ยมชมโครงการ การจอง การทำสัญญา การชำระเงินดาวน์ สมาชิกจะได้รับคะแนนสะสม และสามารถนำคะแนนสะสมไปแลกเป็นของรางวัล เช่น เงินสด ทองคำ แพ็กเกจท่องเที่ยว สินค้าแบรนด์เนม เป็นต้น โดยได้เริ่มเปิดตัวสำหรับพนักงานในองค์กรเป็นเฟสแรกแล้ว และจะเริ่มใช้งานเต็มรูปแบบสำหรับสมาชิกในเดือนสิงหาคมนี้ คาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางเพื่อเพิ่มโอกาสการขาย โดยบุคคลทั่วไป ที่ไม่ใช่ลูกค้าพฤกษาก็สามารถสมัครเป็นสมาชิก Pruksa Member ในการช่วยขายได้พร้อมรับสิทธิประโยชน์ได้เช่นกัน
นอกจากนี้เมื่อเร็ว ๆ นี้ยังได้เปิดตัว Pruksa Open Home ศูนย์กลางการให้บริการแบบ One-Stop Service ที่อาคารเพิร์ล แบงก์ค็อก ชั้น 3 โดยลูกค้าสามารถหาข้อมูลและเลือกซื้อที่อยู่อาศัยทุกโครงการจากพฤกษา จองและทำสัญญา รับข้อเสนอพิเศษด้านสินเชื่อจาก สถาบันการเงินชั้นนำ พร้อมบริการตรวจสอบเครดิตบูโร แบบครบวงจรในที่เดียว ช่วยลดเวลาและความยุ่งยากให้ลูกค้า สำหรับลูกค้าที่ไม่มั่นใจเรื่องความสามารถในการกู้ซื้อบ้าน ก็สามารถปรึกษาเจ้าหน้าที่ และเลือกรับข้อเสนอสินเชื่อจากธนาคารพันธมิตรต่าง ๆ ของพฤกษาได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนี้ Pruksa Open Home ยังเป็นศูนย์กลางการฝากขาย ฝากเช่าโครงการที่อยู่อาศัยของพฤกษาให้กับคนไทยรวมถึงต่างชาติอีกด้วย โดยพฤกษาถือเป็นผู้ประกอบการรายแรกในวงการอสังหาฯ ที่พัฒนาศูนย์กลางให้บริการเรื่องบ้านในรูปแบบเบ็ดเสร็จนี้ในอาคารสำนักงาน เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 60 สามารถทำยอดขายรวมได้ 47,536 ล้านบาท เติบโต 7% จากปี 59 และกำไรสุทธิ 5,456 ล้านบาท จากระดับ 5,940 ล้านบาทในปี 59
ขณะที่ในปีนี้บริษัทมีแผนจะเปิดโครงการใหม่รวม 75 โครงการ มูลค่า 66,700 ล้านบาท ซึ่งมีการซื้อที่ดินไว้ทุกแปลงแล้ว มั่นใจว่าจะสามารถเปิดขายได้ตามแผนที่วางไว้