นายวิน พรหมแพทย์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล คาดว่า ตลาดหุ้นโลกยังอยู่ในขาขึ้น 3-5 ปี เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจยังเติบโตดี โดยเศรษฐกิจสหรัฐ ยุโรป และ ญี่ปุ่นรวมถึง Emerging Markets ล่วนเติบโตในทิศทางเดียวกัน ขณะเดียวกันยังไม่มีสัญญาณของฟองสบู่ และหุ้นยังน่าลงทุนกว่าตราสารหนี้
แต่ในระยะสั้นตลาดหุ้นเผชิญความผันผวน เพราะแม้ว่าทิศทางตลาดหุ้นโลกจะอยู่ในขาขึ้นระยะยาว แต่ด้วยระดับราคาหุ้นที่ปรับขึ้นมามากในหลายปีที่ผ่านมา ประกอบกับตลาดหุ้นที่มีความนิ่งมากในปีที่แล้ว ทำให้มีโอกาสสูงที่ตลาดหุ้นในปีนี้และปีหน้ามีความเปราะบางมากขึ้นและมีความผันผวนมากขึ้น
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยมีทิศทางขาขึ้นระยะยาว 3-5ปีเช่นเดียวกับตลาดหุ้นโลก แต่ก็ยังเผชิญการปรับฐานได้อีกเหมือนในเดือน ก.พ. ปัจจัยหลักมาจากราคาน้ำมัน โปรแกรมเทรดดิ้งที่หากถึงจุดขาดทุนก็ตั้งคำสั่งขาย และกองทุน ETF ที่เข้าออกแรง เน้นเล่นหุ้นใหญ่
อย่างไรก็ดีปีนี้มองตลาดหุ้นยังสดใส โดยคาดกำไรของบริษัทจดทะเบียนเติบโต 8-10% แม้ราคาหุ้นไทยมองว่าแพงอยู่แต่แนะนำหุ้นขนาดกลางที่มีพื้นฐานดี ในกลุ่มหุ้นกลุ่มบริโภค กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มไฟฟ้า และประปา นอกจากนี้มองว่าขณะนี้ตลาดหุ้นจีนแงะเกาหลีใต้ยังถูก
"คาดว่าปีนี้ปีหน้าหุ้นจะผันผวน ดัชนีดาวน์โจนส์ปรับลงแรง 4-5%ทำให้ตลาดหุ้นอื่นปรับตัวลงไปด้วย รอบนี้ตกเพราะเรื่องเงินเฟ้อ ซึ่งผมว่าเรื่องนี้ก็ไม่ไช่เรื่องใหม่"
ส่วนแนวโน้มธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ก็ต้องระมัดระวังมากหากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากจะทำให้เกิดช่วงห่างระหว่างอัตราดอกบี้ยนโยบายของไทยกับสหรัฐ ซึ่งจะทำให้ Fund Flow ไหลออกจากไทย อย่างไรก็ดีเศรษฐกิจไทยก็ยังแข็งแรงพอที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยปีนี้คาดจีดีพีโต 3.9-4% ซึ่งไม่ได้โตมาก ทั้งนี้เชื่อว่ารัฐบาลต้องการใช้มารตรการการคลังมากกว่ามาตรการทางการเงิน