นายองอาจ กิตติคุณชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซันสวีท (SUN) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนรวม 260 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 150 ล้านบาท ใช้ในการเพิ่มกำลังการผลิตสินค้ากลุ่มแช่แข็งเพิ่มอีก 3 ตัน/ชั่วโมง เป็น 4 ตัน/ชั่วโมง ส่วนงบลงทุนที่เหลือจะใช้เพิ่มเครื่องจักรในการคัดเลือกข้าวโพดสำหรับการผลิตสินค้าในกลุ่มที่แช่แข็งเพิ่มขึ้น เพื่อจะรองรับคำสั่งซื้อจากลูกค้ากลุ่มหลัก ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลี และ ไต้หวัน ที่คาดว่าจะมีเข้ามามากขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าในปีนี้จะมียอดขายจากกลุ่มสินค้าแช่แข็งราว 200-300 ล้านบาท จากปี 60 มียอดขายราว 100 ล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทคาดสินค้ากลุ่มแช่แข็งจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะผลักดันให้อัตรากำไร (มาร์จิ้น) ในปีนี้เติบโตต่อเนื่องจากปี 60 เนื่องจากสินค้ากลุ่มแช่แข็งมีมาร์จิ้นมากกว่า 25%
สำหรับแนวโน้มรายได้ปี 61 บริษัทฯตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ระดับ 10-15% จากปี 60 ที่มีรายได้ 1,687 ล้านบาท โดยตลาดหลักยังคงเป็นตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่น ขณะที่บริษัทมีแผนจะเปิดตลาดใหม่ในประเทศแถบตะวันออกกลางเพิ่มขึ้น ส่วนในอาเซียนก็จะเน้นประเทศที่บริโภคอาหารฮาลาล อาทิ อินโดนีเซีย ฟิลิปินส์ มาเลเซีย และ บรูไน
ช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้เดินทางไปออกงานแสดงสินค้าที่ประเทศรัสเซีย โดยคาดหวังจะมีคำสั่งซื้อ เพิ่มขึ้นมาเป็น 150 ล้านบาท จากปี 60 มียอดขายที่ 100 ล้านบาท นอกจากนั้น ช่วงต้นเดือน มี.ค.นี้บริษัทเตรียมเดินทางไปเจรจากับลูกค้าหลักที่ญี่ปุ่นเพื่อรับคำสั่งซื้อล็อตใหม่ ซึ่งบริษัทประเมินทิศทางยอดขายในญี่ปุ่นจะเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน แม้เงินบาทจะแข็งค่า แต่บริษัทจะพยายามปรับราคาขายให้สูงขึ้นไปตามทิศทางเดียวกับต้นทุนและค่าเงินบาท
นายองอาจ กล่าวอีกว่า ในปีนี้ทิศทางอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวสูงขึ้นมาที่ระดับไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อนทำได้ระดับ 17-18% โดยบริษัทจะเห็นผลของการลงทุนในปี 59-60 เข้ามาในปี 61 อย่างเต็มที่ อีกทั้งบริษัทจะมีปรับพอร์ตสินค้าไปในกลุ่มสินค้าแช่แข็งเพิ่มขึ้นอีก 3 เท่า จากที่ผ่านมาสินค้าหลักจะเป็นสินค้าประเภทกระป๋อง เนื่องจากสินค้ากลุ่มแช่แข็งมีมาร์จิ้นสูงกว่าสินค้ากลุ่มกระป๋องที่มีมาร์จิ้นราวกว่า 10% เท่านั้น