นายภากร เลี่ยวไพรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP) เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถดำเนินธุรกิจโดยมีผลการดำเนินงานเติบโตก้าวกระโดด จากการเดินเครื่องจักรโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินและพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะ (TG 7) ซึ่งได้เดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว โรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะ (TG 6 และ TG 4) และโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหิน (TG 8) ซึ่งจะทยอยผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้กำลังการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลดีต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2561
"เราเชื่อว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดีของ TPIPP เนื่องจากบริษัทฯ มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมโรงไฟฟ้า โดยจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าได้ดียิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน ยังมีแผนงานขยายการลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้าเพิ่มเติม โดยมุ่งเน้นการเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะและพลังงานหมุนเวียนของหน่วยงานภาครัฐ ที่คาดว่าจะทยอยเปิดประมูลภายในปีนี้ เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไป"นายภากร กล่าว
ด้านนายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน TPIPP กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาบริษัทบันทึกกำไรสุทธิ จำนวน 2,592 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% และรายได้รวม จำนวน 5,188 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับปี 2559 ซึ่งถือเป็นการสร้างผลการดำเนินงานเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งจากปีก่อนหน้า
ในไตรมาส 4/60 มีกำไรสุทธิ จำนวน 593 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47% และรายได้รวม 1,392 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/59 เนื่องจากไตรมาส 4/60 บริษัทฯ สามารถผลิต และจำหน่ายไฟฟ้าได้สูงสุดใหม่จำนวน 233 ล้านหน่วย ภายหลังการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตตามแผนงาน ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตไฟฟ้าเฉลี่ยของโรงไฟฟ้าปรับตัวสูงขึ้น และบริษัทสามารถเดินเครื่องจักรโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหิน (TG 7) กำลังการผลิตติดตั้ง 70 เมกะวัตต์ (MW) ในช่วงปลายเดือนธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา ประกอบกับมีการปรับขึ้นค่าเอฟที งวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2560 อีก 8.87 สตางค์ต่อหน่วย ตามมติของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)
"ปีที่ผ่านมาเราดำเนินธุรกิจโดยมีผลการดำเนินงานที่ดี จากการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และจำหน่ายไฟฟ้า จนสามารถทำสถิติสูงสุดใหม่ ตลอดจนการสามารถบริหารจัดการขยะจากแหล่งต่างๆ เพื่อนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการคัดแยกและแปรรูปเป็นเชื้อเพลิง RDF เพื่อเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าได้อย่างเพียงพอและมีประสิทธิภาพ"นายภัคพล กล่าว