GUNKUL จับมือ Kenyir Solar Park Sdn Bhd ทำโซลาร์ฟาร์มในมาเลเซีย มูลค่า 1.35 พันลบ.,คาดรายได้ปี 61 โตไม่ต่ำกว่า 20%

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 22, 2018 14:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย กรรมการผู้จัดการ บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 1/2561 มีมติอนุมัติให้ร่วมทุนกับบริษัท Kenyir Solar Park Sdn Bhd จัดตั้ง บริษัท Kenyir Gunkul Solar Sdn Bhd เพื่อร่วมดำเนินธุรกิจโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่กัวลาปากา รัฐตรังกานู ประเทศมาเลเซีย ขนาด 29.99 เมกะวัตต์ (MW) กำลังผลิตติดตั้ง 36.56 เมกะวัตต์ มูลค่าต้นทุนรวมของโครงการอยู่ที่ 1,350 ล้านบาท โดยจำหน่ายไฟฟ้าให้กับ Tenaga Nasional Berhad (TNB)

สำหรับโครงการดังกล่าวมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) เป็นระยะเวลา 21 ปี กำหนดจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ก่อนวันที่ 31 ธันวาคม 2563 โดย GUNKUL ถือสัดส่วนมูลค่าการลงทุนเพื่อรับผลตอบแทนในรูปปันผลร้อยละ 70 และบริษัท Kenyir Solar Park Sdn Bhd ถือสัดส่วนมูลค่าการลงทุนเพื่อรับผลตอบแทนร้อยละ 30 ส่วนบริษัทผู้ได้รับ PPA คือ Kenyir Gunkul Solar Sdn Bhd ขณะที่โครงสร้างการถือหุ้นทุกประเภท Kenyir ถือในสัดส่วนร้อยละ 51 ส่วน GUNKUL ถือในสัดส่วนร้อยละ 49

"Kenyir Solar Park Sdn Bhd ถือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่สำคัญ และถือเป็นการร่วมลงทุนครั้งสำคัญของทั้ง 2 บริษัท ที่จะสร้างการเติบโตอย่างมีศักยภาพในอนาคตร่วมกัน ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่จะผลักดันให้ธุรกิจพลังงานทดแทนได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งตอกย้ำให้บริษัทมีความเป็นผู้นำในการให้บริการอย่างครบวงจรด้านโรงไฟฟ้ายิ่งขึ้น"นายสมบูรณ์ กล่าว

นายสมบูรณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับรายได้ในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 20% เพราะทยอยรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์โดยไตรมาส 1/61 เตรียม COD อีก 60 เมกะวัตต์ และคาดว่าทั้งปีจะ COD อีกประมาณ 200 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทยังมีแผนเข้าประมูลงานใหม่ ๆ เพิ่มอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) อยู่ประมาณ 1,500 ล้านบาท

"บริษัทเชื่อว่าปีนี้จะเป็นอีกปีที่ดีของกลุ่ม GUNKUL ที่รายได้และกำไรจะเติบโตอย่างมี เสถียรภาพมากยิ่งขึ้น"นายสมบูรณ์ กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 60 ของบริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้รวม 4,855.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 3,366.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,488.45 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 44.21 ซึ่งสูงกว่าเป้าทั้งปีที่ตั้งไว้ร้อยละ 30 และมีกำไรสำหรับงวด (ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่) จำนวน 635.36 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 537.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 97.65 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.16


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ