นายสมิทธ์ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไทยพาณิชย์ (SCBAM) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิภายใต้การจัดการ (AUM) ปี 61 เติบโต 10% หรือไม่น้อยกว่า 1.5 ล้านล้านบาท จากปีก่อนที่อยู่ที่ 1.3 ล้านล้านบาท โดยมีแผนออกกองทุนใหม่ราว 10-12 กองทุน
ทั้งนี้ บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายการเป็นบลจ.อันดับ 1 ในใจลูกค้า หรือ The Most Admired Asset Management โดยการออกผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและทันสมัยตอบสนองความต้องการของลูกค้า ทั้งกองทุนประเภทกลุ่ม Income ที่สร้างรายได้ระหว่างทาง รวมถึงรูปแบบการลงทุนต่างประเทศที่ครบวงจร โดยจะเป็นการนำเสนอกองทุนหุ้นต่างประเทศที่บริหารจัดการแบบ Active เช่น สหรัฐอเมริกา ,ยุโรป ,อินเดีย,ญี่ปุ่น เป็นต้น เพื่อเป็นทางเลือกเสริมจากกองทุนปัจจุบันที่บริหารจัดการแบบ Passive
อีกทั้งเน้นการรักษาระดับผลตอบแทนจากการลงทุนถึงลูกค้าให้อยู่ในระดับที่ดี และมุ่งเน้นที่จะพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายปี 62 จะเป็นกองทุนเด่นระดับ 5 ดาว ในทุกกองทุน และสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนให้สูงกว่า Set Index ปีละ 6% จากการคัดเลือกหุ้นที่ถูกต้อง ,การบริหาร และการใช้เทคโนโลยี หรือแอพพลิเคชันในการเข้าถึงลูกค้าได้เร็ว
"ถึงเวลาแล้วที่เราจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า และความสม่ำเสมอของ performance ของกองทุนของเรา โดยจะเน้นการเป็นระดับกองทุน 4-5 ดาว ซึ่งถึงแม้ว่าปัจจุบันเรามีกองทุน 5 ดาวบ้างแล้ว แต่เราก็ต้องมีการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปอีก"นายสมิทธ์ กล่าว
ส่วนนโยบายด้านการให้บริการในปีนี้ จะเน้นการพัฒนา Digital Platform และเทคโนโลยีรองรับการทำธุรกรรมในยุคดิจิทัล เพื่อตอบสนองนักลงทุนที่นิยมใช้เทคโนโลยีในการรับข้อมูลข่าวสารและการทำธุรกรรม ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ที่มุ่งไปสู่การที่จะเป็นกลุ่มสถาบันการเงินที่ถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและข้อมูลเป็นหลัก เช่น มีการให้ข้อมูลข่าวสารผ่าน Social Media Platform ทั้ง SCBAM Website, Investment Guru ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งจะมีการให้เปิดบัญชีซื้อขายกองทุนครั้งแรกด้วย SCB EASY Application (online account) และการให้บริการ Investment Advisory ผ่านมือถือ รวมทั้งการให้บริการ SCB Connect (Chatbot) และการเปิดตัว SCBAM Line@ เพื่อเป็นช่องทางรับข้อมูลข่าวสารการลงทุน สภาวะตลาด ข้อมูลกองทุน และการจัดสรรสัดส่วนการลงทุน รวมถึงสาระการลงทุนที่น่าสนใจและน่าติดตาม ซึ่งจะทำให้เรื่องการลงทุนเป็นเรื่องง่ายเข้าถึงผู้ลงทุนได้ทุกกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ลงทุนยุคดิจิทัล ตลอดจนการปรับปรุงระบบสนับสนุนการลงทุนต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพและมีความทันสมัยมากขึ้น
ด้านนายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์การลงทุนปีนี้ บริษัทจะเน้นกองทุนรวมตราสารหนี้ โดยจะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อนำไปลงทุนทั่วโลก เนื่องด้วยมองว่าหากธนาคารกลางสหรัฐฯ มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ จำนวนอย่างน้อย 2-3 ครั้ง ก็น่าจะเป็นโอกาสในการลงทุนในตราสารหนี้ ซึ่งถึงแม้ว่าดอกเบี้ยจะขึ้น แต่ก็เชื่อว่าจะยังมีกองทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีได้
ขณะที่การลงทุนในตลาดหุ้นไทยและหุ้นต่างประเทศ บริษัทฯ ก็ยังคงให้ความสำคัญทั้งสองส่วน แม้ว่า P/E ตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวสูงขึ้น แต่ก็ยังมีพื้นฐานที่ดีอยู่ ทั้งการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีขึ้น ประกอบกับแนวโน้มค่าเงินบาทที่ยังปรับตัวแข็งค่า และน่าจะเป็นลักษณะนี้ไปอีกสักระยะหนึ่ง จนกว่าเฟดจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย ส่วนตลาดหุ้นในต่างประเทศ มองการลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีเป็นหลัก
ส่วนกรณีที่ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) มีแผนปรับลดจำนวนสาขาและพนักงาน มองว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการขายกองทุน เนื่องจากบริษัทร่วมกันพัฒนาแอพพลิเคชันกับ SCB ซึ่งเป็นแอพพลิเคชันที่จะเข้าถึงลูกค้าได้ทุกที่ ทุกเวลา ซึ่งส่งผลดีต่อลูกค้ามากขึ้น และเป็นการขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้นด้วย