ดัชนีหุ้นไทยภาคบ่ายร่วงลง 10 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับลดลง โดยมีแรงขายนำออกมาในหุ้นกลุ่มแบงก์ แต่แรงซื้อที่มีเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงาน นำโดยหุ้น PTT ยังช่วยค้ำตลาดได้บ้าง ขณะที่ล่าสุดสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติไม่ผ่านการคัดเลือกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหม่ โดยให้ไปเริ่มนับ 1 กระบวนการสรรหาทั้งหมด ซึ่งทำให้ตลาดมีความกังวลต่อการเลือกตั้งในอนาคต
เมื่อเวลา 15.48 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,790.87 จุด ลดลง 10.29 จุด (-0.57%)
ล่าสุดเมื่อ 16.06 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,791.47 จุด ลดลง 9.69 จุด (-0.54%)
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายนี้ปรับตัวลงกว่า 10 จุด เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะติดลบราว 0.5-1% หลังภาพรวมการลงทุนตลาดโลกชะลอตัวลง จากความกังวลอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้น และการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยตลาดหุ้นไทยรอบนี้คาดว่าจะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน และมากกว่าเมื่อคราวเดือนก.ย.-ธ.ค.60 ที่เห็น US Dollar Index แข็งค่าขึ้นแต่บ้านเราไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะในช่วงนั้น Bond Yield ของไทยสูงกว่า Bond Yield ของสหรัฐฯ แต่ตอนนี้ Bond Yield ของสหรัฐฯ อยู่ที่ 2.9% แต่ของไทย 2.4% ดังนั้น โอกาสที่เงินจะไหลเข้าไทยเป็นไปได้ยากมาก ซึ่งครั้งที่แล้วเงินยังไหลเข้าไทยได้
ดังนั้น นักลงทุนต่างชาติ และไทยน่าจะมีการปรับพอร์ตการลงทุนเพื่อรองรับเงินบาทที่อ่อนค่า และอัตราดอกเบี้ยที่อาจปรับตัวสูงขึ้น โดยวันนี้จะเห็นหุ้นที่ปรับตัวลงลงหลัก ๆ เป็นหุ้นในกลุ่มไฟแนนซ์ หลาย ๆ ตัวปรับตัวลง 5-10% เนื่องจากตลาดเริ่มกังวล Bond Yield ไทยที่จะสูงขึ้นไปเทียบเท่ากับ Bond Yield ของสหรัฐฯ ทำให้ได้รับผลกระทบดอกเบี้ยจ่ายที่อาจเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเช่าซื้อ และไฟแนนซ์
ส่วนเรื่องที่ล่าสุดสนช. ลงมติไม่ผ่านการคัดเลือกกกต. ชุดใหม่ โดยให้ไปเริ่มนับ 1 กระบวนการสรรหาทั้งหมด ซึ่งทำให้ตลาดมีความกังวลต่อการเลือกตั้งในอนาคตที่อาจจะล่าช้าได้ จากเดิมที่คาดว่าจะเลือกตั้งได้ต้นปี 62
พร้อมให้แนวรับ 1,790-1,784 จุด ส่วนแนวต้าน 1,800 จุด