นายยงยศ ครองพาณิชย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน กลุ่มการเงินและการบัญชี บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) เปิดเผยว่า แนวโน้มรายได้ปีนี้จะสูงขึ้นจากปีก่อน หลังคาดว่าปริมาณขายปิโตรเลียมจะทำได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้เฉลี่ยที่ 302,000 บาร์เรล/วัน มาอยู่ที่ระดับ 319,000 บาร์เรล/วัน หลังจากเข้าซื้อหุ้นในแหล่งบงกชจากกลุ่มเชลล์เพิ่มเข้ามา 22.2222% ส่งผลให้ปัจจุบัน PIIEP ถือหุ้นในแหล่งดังกล่าวเพิ่มเป็น 66.6667% ส่งผลให้มีปริมาณการขายเพิ่มขึ้นมาอีก 17,000 บาร์เรล/วันในปีนี้
ประกอบกับ ราคาน้ำมันและราคาก๊าซธรรมชาติมีทิศทางเพิ่มขึ้นในปีนี้ โดยมองว่าราคาน้ำมันดิบจะอยู่ในช่วง 55-60 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล จากระดับเฉลี่ย 53 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ในปีก่อน ขณะที่ราคาก๊าซจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 6.20 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ล้านบีทียู จากปีก่อนอยู่ที่ 5.60 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ล้านบีทียู
"ไตรมาส 1/61 คาดว่าปริมาณการขายจะสามารถแตะ 300,000 บาร์เรล/วันได้ จากเป้าหมายเดิมที่ไม่รวมการซื้อหุ้นเพิ่มในแหล่งบงกชที่ 302,000 บาร์เรล/วัน สูงขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ระดับ 299,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ซึ่งมาจากปริมาณความต้องการใช้น้ำมันที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง และราคาขายก๊าซฯก็จะเพิ่มขึ้นมาแตะที่ 6 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ล้านบีทียู ก็เป็นสัญญาณที่ดีต่อผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาสแรกนี้"นายยงยศ กล่าว
นายยงยศ กล่าวอีกว่า แนวโน้มของอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA margin) ในปีนี้ยังคาดว่าอยู่ที่ 70% แม้ว่าราคาน้ำมันและราคาขายก๊าซฯมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ต้นทุนต่อหน่วย (unit cost) ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตาม โดยปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 30-31 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล จากปีก่อนที่ 29 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ทำให้บริษัทยังไม่ได้ปรับประมาณการ EBITDA margin เพิ่มขึ้น และการทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันล่วงหน้าของบริษัทในตอนนี้ยังอยู่ที่ระดับ 30% ลดลงจากปีก่อนที่ทำไป 35% เนื่องจากราคาน้ำมันในปีนี้มีความผันผวนลดลง ทำให้การทำประกันความเสี่ยงในระดับดังกล่าวเป็นระดับที่มีความเหมาะสม
ทั้งนี้ บริษัทมีความสนใจเข้าประมูลแหล่งปิโตรเลียมบงกชและเอราวัณที่จะหมดอายุสัมปทานในปี 65-66 เนื่องจากเป็นโอกาสในการเติบโตของบริษัทในอนาคต โดยจะนำเรื่องดังกล่าวไปหารือในคณะกรรมการบริษัท คาดว่าจะได้ข้อสรุปการเข้าร่วมประมูลทั้ง 2 แหล่งภายในเดือน มี.ค.นี้ ซึ่งบริษัทมีความพร้อมในเรื่องเงินลงทุน เพราะปัจจุบันมีกระแสเงินสดในมืออยู่ที่ 4.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีความสามารถในการกู้ได้ในวงเงินอีก 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ