หุ้น MALEE ราคาร่วงลง 10.24% มาอยู่ที่ 28.50 บาท ลดลง 3.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 19.08 ล้านบาท เมื่อเวลา 9.57 น. โดยเปิดตลาดที่ 28.75 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 29 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 28.25 บาท
บมจ. มาลีกรุ๊ป (MALEE) และบริษัทย่อย ประกาศผลกำไรปี 60 เท่ากับ 285.58 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.02 บาทลดลงจากปีก่อนที่กำไร 530.02 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.89 บาท
พร้อมจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.25 บาท/หุ้น และขึ้น XD ในวันที่ 7 พ.ค. 2561 กำหนดจ่าย 25 พ.ค.2561
ทั้งนี้ บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 286 ล้านบาท ลดลง 46% จากปี 59 คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 4.8% ลดลงจาก 8.1% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจาก 1) ต้นทุนต่อหน่วยที่เพิ่มขึ้นจากการใช้กำลังการผลิตที่ลดลง 2) สัดส่วนการขายต่างประเทศลดลง ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิลดลง 3) ค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนเพิ่มเติมในโรงงาน เครื่องจักร และสำนักงาน เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิต สำหรับรองรับการผลิตที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเติบโตแบบก้าวกระโดดขององค์กรตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป
4) ค่าใช้จ่ายจากการทดสอบและเริ่มการผลิตของเครื่องจักรใหม่สำหรับสินค้าใหม่บางรายการ ซึ่งทำให้เกิดค่าใช้จ่ายจากส่วนสูญเสียการผลิต (Yield Loss)เพิ่มขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายจากการย้ายการผลิตสินค้าเดิมบางรายการมาที่เครื่องจักรใหม่
5) ต้นทุนภาษีสรรพสามิตและภาษีน้าตาลที่เพิ่มขึ้นตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2560 6) ค่าใช้จ่ายในการขายที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ใหม่ของสินค้าหลักของธุรกิจ Brand 7) ค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เพิ่มขึ้นเพื่อการเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร 8) ค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาที่เพิ่มขึ้น และ 9) การรับรู้ผลขาดทุน 20 ล้านบาท จากบริษัท Monde Malee Beverage Corporation (MMBC) ในประเทศฟิลิปปินส์ ทั้งนี้ ผลขาดทุนของ MMBC ลดลง 49% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยอยู่ภายใต้แผนธุรกิจของบริษัท และถือว่าอยู่ในระดับปกติสาหรับธุรกิจในช่วงแรกที่มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
อย่างไรก็ตาม ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เกิดจากการลงทุนเพื่อสร้างรากฐานสาหรับรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต ในขณะที่การลงทุนบางส่วนยังไม่สามารถสร้างรายได้ในทันที บางส่วนยังใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มที่หรือยังไม่ถึงจุดที่มีประสิทธิภาพสูงพอ ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยสูงขึ้น จึงทำให้กระทบผลประกอบการของบริษัทฯ ในระยะสั้น หรือนับจากนี้ไปอีกประมาณ 2 ไตรมาส