นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 61 เติบโต 152% มาอยู่ที่ 3.8 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนมีรายได้อยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีโครงการคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างเสร็จและเริ่มโอนจำนวน 9 โครงการ มากกว่าปีก่อนที่มีคอนโดม์เนียมใหม่ที่สร้างเสร็จและเริ่มโอนจำนวน 8 โครงการ
ส่วนแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 61 วางแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 16 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 3.51 หมื่นล้านบาท โดยเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 8 โครงการ ซึทงเป็นโครงการร่วมทุนกับมิตซุย ฟูโดซัง 7 โครงการ และโครงการแนวราบ 8 โครงการ โดยตั้งเป้ายอดขายที่ 3.51 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับกีก่อนที่ทำยอดขายได้ 3.49 หมื่นล้านบาท
ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงตั้งเป้าการเป็นผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมต่อไปในปี 61 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ "4 in 4 Roadmap ระยะเวลาแห่งการเติบโตมากกว่า 4 เท่าใน 4 ปี" โดยบริษัทคาดหวังรายได้จะเติบโตเกินกว่า 400% จากระดับ 1.3 หมื่นล้านบาท ในปี 60 เป็น 7 หมื่นล้านบาทในปี 64 โดยมียอดขายรอโอน (Backlog) กว่า 5.37 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะมีการทยอยรับรู้รายได้ในอีก 3 ปีข้างหน้า
นายชานนท์ กล่าวว่า ในช่วงปลายเดือน มี.ค.61 บริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ใหม่จำนวน 4 โครงการ มูลค่ารวม 1 หมื่นล้านบาท ร่วมกับพันธมิตรระดับโลกที่จะเข้ามาบริหารโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ที่บริษัทพัฒนา โดยโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์จะอยู่บนทำเลรัชดา สาทร สุขุมวิทซอย 8 และทองหล่อ โดยการเข้าลงทุนโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ของบริษัทนั้นเพื่อเป็นการกระจายรายได้ไปสู่ธุรกิจที่ให้รายได้ประจำมากขึ้น จากปัจจุบันที่รายได้ส่วนใหญ่เกือบ 100% มาจากการขายที่อยู่อาศัย
สำหรับงบซื้อที่ดินในปีนี้ตั้งไว้ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินในบริเวณที่ตามแนวรถไฟฟ้า โดยส่วนใหญ่จะนำมาพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมเป็นหลัก และเน้นทำเลตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งเป็นสายหลักของกรุงเทพฯและเป็นทำเลที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยมากอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งตอบโจทย์คนกลุ่ม Gen Z ที่ต้องการใช้ชีวิตในเมืองใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า ส่วนการเปิดโครงการในปีนี้ทั้งหมด 16 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 3.15 หมื่นล้านบาท บริษัทมีที่ดินรองรับกลรพัฒนาไว้ทั้งหมดแล้ว ซึ่งจะทยอยเปิดตัวในไตรมาส 1/61 จำนวน 2 โครงการ และไตรมาส 2/61 - ไตรมาส 4/61 จะทยอยเปิดจำนวน 4-5 โครงการ/ไตรมาส
ขณะเดียวกันเพื่อการตอกย้ำความเป็น Urban Tech ของบริษัทยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ โดยบริษัทมีแนวคิดในการระดมทุนโดยการออกสกุลเงินดิจิทัล (ICO) โดยใช้ชื่อโทเคนว่า "IDEO Coin" ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อนำมาใช้บริการแก่ลูกบ้านของบริษัท ซึ่งสามารถนำมาใช้ชำระค่าส่วนกลางและบริการต่างๆ ประกอบกับเป็นโอกาสในการมูลค่าเพิ่มให้กับสินทรัพย์ของลูกค้า หากราคาสกุลเงินดิจิทัลมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งยังมองไปถึงการแชร์สิ่งของต่างๆของลูกบ้านในโครงการที่สามารถนำมาใช้ร่วมกันได้ เช่น รถยนต์ ซึ่งปัจจุบันได้มีบริการ haup เข้ามาบริการลูกบ้านในบางโครงการ เพื่อทำให้สิ่งของที่ลูกค้าได้ซื้อมาสามารถใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและสร้างผลตอบแทนให้กับลูกบ้าน
ด้านมาตการจัดเก็บภาษีลาภลอย นายชานนท์ มองว่ายังไม่เห็นด้วยกับการจัดเก็บภาษีลาภลอย เนื่องจากขัดแย้งกับนโยบายของภาครัฐที่ส่งเสริมให้ประชาชนลดการใช้รถยนต์ และหันมาใช้รถไฟฟ้าในการเดินทางแทน ซึ่งมีผลต่อที่ดินที่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้ามากจะต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อในเรื่องของต้นทุนที่ดินที่เพิ่มขึ้น และกระทบไปถึงลูกค้าที่จะต้องซื้อที่อยู่อาศัยในราคาที่สูงขึ้นตาม ทำให้มองว่าการจัดเก็บภาษีลาภลอยไม่สด้ส่งผลดีต่อการส่งเสริมให้ประชาชนลดการใช้รถยนต์และหันมาใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น