โปรกฯเชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี (SAT) จากแนวโน้มกำไรไตรมาส 1/61 น่าจะเติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นไปตามภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ฟื้นตัวดีขึ้น และยอดขายชิ้นส่วนเครื่องจักรกลทางการเกษตรที่ปรับตัวดีขึ้นด้วย รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดีต่อเนื่องน่าจะส่งผลดีต่อมาร์จิ้น
ทั้งปี 61 คาดว่ากำไรปกติน่าจะเติบโตจากปีก่อน สอดคล้องไปกับอุตสาหกรรมยานยนต์ที่คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่อง จากที่ ส.อ.ท.ตั้งเป้ายอดผลิตรถยนต์ปีนี้จะอยู่ที่กว่า 2 ล้านคัน จากระดับ 1.98 ล้านคันในปีที่แล้ว ขณะที่ในปีก่อน SAT มีกำไรพิเศษจากการขายทรัพย์สินของบริษัทย่อยเข้ามาหนุนกำไรสุทธิ
พักเที่ยงหุ้น SAT อยู่ที่ 20.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 2.46% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ปรับขึ้น 0.53%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) บัวหลวง ซื้อ 23.00 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 22.40 เคทีบี (ประเทศไทย) ซื้อ 22.00 หยวนต้า (ประเทศไทย) ซื้อเก็งกำไร 22.00
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า แนวโน้มรายได้ของ SAT ในปี 61 จะเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน และกำไรปกติจะเติบโตได้ราว 7% มาอยู่ที่ 756 ล้านบาท เป็นไปตามอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ฟื้นตัวดีขึ้น และการได้ลูกค้ารายใหม่ โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) คาดยอดผลิตรถยนต์ในประเทศปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 2 ล้านคัน จากปีก่อนที่ 1.98 ล้านคัน และแผนการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพจะหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 16.5% จาก 15.5% ปีก่อน
ขณะที่แนวโน้มการดำเนินงานในไตรมาส 1/61 น่าจะดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยอยู่ 3 ส่วน คือ การเติบโตของยอดขายชิ้นส่วนเครื่องจักรกลทางการเกษตร ที่เป็นไปตามสินค้าราคาเกษตรที่ปรับตัวขึ้น ,ชิ้นส่วนรถบรรทุก จากที่ได้รับออร์เดอร์มากขึ้น และการควบคุมต้นทุนที่ทำได้ดีอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่ออัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยในไตรมาส 4/60 SAT มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 18%
ด้านราคาหุ้น SAT ช่วงที่ผ่านมาปรับตัวลงจน Upside เปิดกว้างเมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 22.40 บาท (อิง P/E เฉลี่ยระยะยาวที่ 13 เท่า)
นายอำนาจ โงสว่าง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ยังคงประเมินกำไรปกติปี 61 ของ SAT ที่ 777 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน หลังได้รับผลบวกของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่คาดว่ายอดผลิตรถยนต์ปีนี้จะเติบโตราว 3-5% จากแรงหนุนของยอดขายรถยนต์ในประเทศที่เติบโต รวมถึงคาดว่ายอดขายในกลุ่มเครื่องจักรกลการเกษตรที่ดีขึ้น จากยอดผลิตเครื่องจักรกลการเกษตรที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 7.5 หมื่นคัน เติบโต 14% จากปีก่อน
ส่วนรายได้คาดว่าจะปรับตัวลดลงราว 10.5% เนื่องจากการโอนทรัพย์สินของบริษัท บางกอกสปริงอินดัสเตรียล จำกัด(BSK) ไปอยู่ในบริษัทร่วมทุนใหม่ ทำให้จากเดิมที่ถือหุ้นในสัดส่วน 100% มาเป็น 50% แต่ก็จะทำให้การรับรู้ผลการดำเนินงานของ BSK จะกลับเข้ามาจะเป็นส่วนแบ่งกำไร ซึ่งจะส่งผลทำให้มาร์จิ้นปรับตัวดีขึ้น
นอกจากนี้ มองแนวโน้มกำไรในไตรมาส 1/61 ก็น่าจะดีกว่า ไตรมาส 1/60 จากยอดผลิตรถยนต์ที่เติบโตต่อเนื่อง ซึ่งส.อ.ท เปิดเผยตัวเลขยอดผลิตรถยนต์ในเดือนม.ค.61 เพิ่มขึ้นประมาณ 9% ขณะเดียวกันก็มองว่าเดือน ก.พ.และ มี.ค. ก็น่าจะเติบโตต่อเนื่องเช่นกัน
ขณะเดียวกัน SAT ยังอยู่ระหว่างศึกษาพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีรถยนต์ในอนาคต คาดจะเห็นความชัดเจนในปีนี้ หากมีความคืบหน้ามองว่าจะเป็น potential ที่ดี ประกอบกับยังมองการนำหุ่นยนต์เข้ามาใช้เพื่อลดปัญหาแรงงานขาดแคลนในอนาคตอีกด้วย
"แนวโน้มไตรมาส 1/61 น่าจะโตกว่าไตรมาส 1/60 จากยอดผลิตรถยนต์ที่เติบโตขึ้น ซึ่งฐานของ SAT เอง ก็เป็นรถกระบะก็น่าจะได้รับผลดี อีกทั้งชิ้นส่วนเครื่องจักรกลทางการเกษตรก็ดีขึ้นด้วย ก็น่าจะส่งผลดีต่อกำไรสุทธิ"นายอำนาจ กล่าว
ด้านบทวิเคราะห์ บล.บัวหลวง ระบุว่ายังคงคาดการณ์กำไรหลักของ SAT ในปี 61 ไว้ที่ระดับ 710 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากปีก่อน โดยมองแนวโน้มไตรมาส 1/61 ผลประกอบการน่าจะเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการขยายตัวของยอดขายตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ,การสิ้นสุดนโยบายรถยนต์คันแรก และการเปิดตัวโมเดลรถรุ่นใหม่จากผู้ผลิต รวมถึงยอดขายอุปกรณ์สำหรับเครื่องมือการเกษตรจะขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งได้แรงหนุนจากการส่งออก อีกทั้งอัตรากำไรขั้นต้นน่าจะเพิ่มขึ้น จากการควบคุมประสิทธิภาพที่ดีขึ้น