นายฟรานซิส แวนเบลเลน กรรมการผู้จัดการ บมจ. ผาแดงอินดัสทรี (PDI) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 60 ดีมาก โดยบริษัทมีรายได้รวมจำนวน 6,357 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว โดยมีจำนวน 905 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 89% เมื่อเทียบกับปี 59 ที่มีผลกำไรสุทธิ 478 ล้านบาท ซึ่งสูงสุดในรอบ 10 ปี
ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการดำเนินงานด้านการตลาดที่เข้มแข็ง ประกอบกับราคาโลหะสังกะสีโลกในปี 60 ที่ปรับตัวสูงกว่าระดับ 3,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และค่าพรีเมียมจากการขายในประเทศที่ยังคงดีอยู่ โดยราคาเฉลี่ยโลหะสังกะสีโลกทั้งปี 2,884 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้นกว่า 40% เมื่อเทียบกับราคาเฉลี่ยของปี 59 ที่ 2,091 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน
"ผลประกอบการปี 60 ดีกว่าที่ได้คาดหมายไว้มาก โดยเติบโตสูงสุดในรอบ 10 ปี และสูงสุดเป็นอันดับสามในรอบ 33 ปีของบริษัทฯ สาเหตุมาจากราคาโลหะสังกะสีโลกในปี 60 ที่ปรับตัวสูงมาก ทำให้บริษัทฯ สามารถสร้างรายได้และทำกำไรได้อย่างเต็มที่จากสต็อกโลหะสังกะสีที่ผลิตจากแร่เหมืองแม่สอดที่มีต้นทุนต่ำมากที่มีอยู่จำนวนกว่า 30,000 ตัน ซึ่งได้กระจายการจำหน่ายให้กับลูกค้าในประเทศ นอกจากนี้ PDI ยังสามารถบริหารต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพและรับรู้รายได้มากขึ้นจากธุรกิจใหม่ด้านพลังงานทดแทนเป็นครั้งแรก" นายฟรานซิส กล่าว
ในปีที่ผ่านมา PDI ได้บรรลุผลสำเร็จตามแผนการยุติธุรกิจสังกะสีในกระบวนการผลิตแบบเดิมก่อนปรับสู่ธุรกิจเทรดดิ้งโลหะสังกะสีแบบเต็มตัวในปีนี้ รวมทั้งเดินหน้ามุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจพลังงานทดแทนเพื่อสร้างรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้กลุ่มธุรกิจด้านพลังงานมีความคืบหน้าไปมาก ขณะที่ธุรกิจเกี่ยวกับการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและวัสดุรีไซเคิลเพิ่งจะเริ่ม รวมถึงการเข้าซื้อกิจการที่น่าสนใจก็อยู่ในการพิจารณาลงทุนของบริษัทฯ เช่นกัน