นายสุรช ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ล็อกซเล่ย์ (LOXLEY) เปิดเผยว่า ในปี 61 นี้ตั้งเป้ารายได้เติบโต 15-20% ซึ่งจุดแข็งคือ บริษัทฯมีฐานรายได้ประมาณ 10,500 ล้านบาท ซึ่งมาจากงานในมือที่ได้มาแล้ว 10,659 ล้านบาท ซึ่งตามสัญญาจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ประมาณ 7,200 ล้านบาท กับฐานรายได้กลุ่มธุรกิจบริการอาหารและจัดจำหน่าย ประมาณ 3,300 ล้านบาท รวมทั้งงานตามแผนเข้าประมูลในปีนี้มากกว่า 20,000 ล้านบาท
ในด้านกำไร บริษัทมีความมั่นใจมากขึ้น ทั้งจากลดภาระการตั้งสำรอง การจัดทัพที่มี Synergy ทั้งการเพิ่มรายได้และการลดค่าใช้จ่าย ที่สำคัญคือฐานกำไรจากส่วนแบ่งกำไรของบริษัทร่วมที่ลดลงในปี 60 แต่ตามแผนปี 61 ส่วนแบ่งกำไรจะเข้าสู่ภาวะปกติ เนื่องจากกำไรของบริษัทร่วมที่ลดลงในปีก่อนเป็นรายการ One-time รวมทั้งแผนการเติบโตทั้งรายได้และการทำกำไรของปีนี้จากบริษัทร่วมทำให้บริษัทมีความมั่นใจมากขึ้น
ส่วนกรณีลูกหนี้การค้าขององค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) บ.ย่อย (บมจ.ล็อกซเล่ย์ ไวร์เลส) และ สกสค. ได้เข้าทำสัญญาประนีประนอมยอมความในเดือน ธ.ค.60 โดยจากมูลหนี้คงค้าง 1,386 ล้านบาท สกสค.ตกลงชำระหนี้โดยการผ่อนชำระภายในระยะเวลา 6 ปี เริ่มต้นชำระในเดือน ม.ค.61 ซึ่งในการผ่อนชำระทำให้มีส่วนต่างระหว่างมูลค่าหนี้คงค้างกับมูลค่าหนี้ปัจจุบันของกระแสเงินสดที่จะได้รับชำระ ส่งผลทำให้ บ.ย่อยมีผลขาดทุนจากการปรับโครงสร้างหนี้เป็นจำนวน 337 ล้านบาท ซึ่งบริษัทตั้งผลขาดทุนเต็มจำนวนในปี 60 โดยปัจจุบันการชำระหนี้ตามสัญญาดังกล่าวตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันมีการชำระหนี้ตามปกติ
นายสุรช กล่าวถึงผลดำเนินงานปี 60 กลุ่ม LOXLEY เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยทำรายได้ 15,369 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับปี 59 และผลกำไรจากการดำเนินงานปกติ 351 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 266 ล้านบาทในปีก่อนsohk แต่กำไรสุทธิที่ลดลงมาเป็น 50 ล้านบาท เนื่องจากมีรายการตั้งสำรองที่ 397 ล้านบาท สาเหตุการตั้งสำรองเต็มจำนวนเพื่อลดภาระการตั้งสำรองที่เกิดขึ้นทุกปี
"การจัดทัพใหม่ของบริษัทฯ แบ่งเป็น 5 กลุ่มธุรกิจ ส่งผลดีต่อบริษัทฯ ในการลบภาพการทำธุรกิจหลากหลายแบบเดิมๆซึ่งมีทั้งธุรกิจที่ทำกำไรและขาดทุน การจัดทัพใหม่ บริษัทฯเลือกเฉพาะธุรกิจที่ทำกำไร มีศักยภาพและอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโต ในแต่ละกลุ่มธุรกิจจะมีหน่วยงานที่มีสายงานที่ใกล้เคียงกัน มีลักษณะที่เอื้อกันทำให้สามารถสร้างจุดแข็งเพื่อต่อยอดรายได้ และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน รวมทั้งสามารถปรับลดค่าใช้จ่ายที่ซ้ำซ้อนกัน คือมี Synergy ทั้งด้านการเพิ่มรายได้และการลดค่าใช้จ่าย" นายสุรช กล่าว
ภาพรวมแผนธุรกิจปัจจุบัน บริษัทวางกลุ่มธุรกิจบริการอาหารและจัดจำหน่ายและกลุ่มพลังงานเป็นกลุ่มที่มีฐานรายได้ที่แข็งแกร่ง ส่วนกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ ธุรกิจเน็ตเวิร์คโซลูชั่นส์ และธุรกิจบริการเป็นกลุ่มที่ผลักดันการเติบโตของรายได้ในปี 61 ซึ่งการเติบโตของกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศจะได้แรงหนุนจากแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National E-payment Plan)ค่อนข้างมาก รวมทั้งฐานลูกค้าเดิมทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่มีการลงทุนเพิ่มด้านเทคโนโลยีสารสนเทศตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0
สำหรับกลุ่มธุรกิจเน็ตเวิร์คโซลูชั่นส์ ตัวเร่งหลักมาจากงานติดตั้งระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าและระบบตรวจจับวัตถุระเบิด (ขาออก) โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่บริษัทฯเพิ่งได้งานมา 3,600 ล้านบาท ส่วนกลุ่มธุรกิจบริการ ตัวเร่งจะมาจากความต้องการด้านบริการงานรักษาความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมท่าอากาศยานจากทั้งกฎระเบียบและจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ล่าสุดคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติแต่งตั้ง นายธงชัย ล่ำซำ เข้าดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ.61 เป็นต้นไป