หุ้น TYCN ราคาพุ่งขึ้น 12.34% มาอยู่ที่ 3.46 บาท เพิ่มขึ้น 0.38 บาท มูลค่าซื้อขาย 7.19 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.13 น. โดยเปิดตลาดที่ 3.28 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 3.64 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 3.26 บาท
บมจ. ไทยคูน เวิลด์ไวด์ กรุ๊ป (ประเทศไทย) (TYCN) และบริษัทย่อย ประกาศผลกำไรปี 60 เท่ากับ 188.29 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.32 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่กำไร 70.16 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.12 บาท
พร้อมชี้แจงว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 188 ล้านบาทในปี 60 จากกำไรสุทธิ 70 ล้านบาทในปี 59 โดยกำไรเพิ่มขึ้นจำนวน 118 ล้านบาท คิดเป็น 168% เนื่องจากรายได้เพิ่มขึ้น 1,343 ล้านบาท คิดเป็น 21.55% โดยรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 1,314 ล้านบาท คิดเป็น 21.20% เปรียบเทียบกับปี 59 สาเหตุมาจากปริมาณขายและราคาขายเพิ่มขึ้น เนื่องจากคำสั่งซื้อที่สูงขึ้นหลังจากการปรับตัวขึ้นของราคาเหล็กโลกตั้งแต่กลางเดือน มิ.ย.60
ส่วนรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 29 ล้านบาท คิดเป็น 93.48% เปรียบเทียบกับปี 59 สาเหตุหลักมาจากมีมีกำไรจากการจำหน่ายสินทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้งานจำนวน 31 ล้านบาทในปี และลูกค้ายกเลิกคำสั่งซื้อดังนั้นเงินรับล่วงหน้าจากลูกค้าโอนไปยังรายได้ที่มิใช่การดำเนินงานอื่น ๆ จำนวน 6 ล้านบาท
ด้านค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจำนวน 1,288 ล้านบาท คิดเป็น 21.53% โดยต้นทุนขายเพิ่มขึ้น 1,256 ล้านบาท คิดเป็น 21.97% เปรียบเทียบกับปี 59 เนื่องมาจากปริมาณขายเพิ่มขึ้น ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น จำนวน 20 ล้านบาท คิดเป็น 6.47% เปรียบเทียบกับปี 59 สาเหตุหลักมาจากปริมาณขายเพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายในการขนส่งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้น
โอนกลับรายการหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น 11 ล้านบาท คิดเป็น 107.92% เปรียบเทียบกับปี 9 เนื่องจากโอนกลับรายการหนี้สงสัยจะสูญ ส่วนขาดทุนจากสัญญาซื้อวัตถุดิบลดลง 12 ล้านบาท คิดเป็น 200% เปรียบเทียบกับปี 59 สาเหตุหลักมาจากราคาเหล็กที่ปรับตัวสูงขึ้น และโอนกลับรายการขาดทุนจากสัญญาซื้อวัตถุดิบ 6 ล้านบาท
โอนกลับรายการขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ลดลง 117 ล้านบาท คิดเป็น 100% เปรียบเทียบกับปี 59 บริษัทรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าเครื่องจักรในปี 58 และ โอนกลับรายการขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ในปี 59 ไม่มีการด้อยค่าของสินทรัพย์ในปี 60
ขาดทุนจากการจำหน่ายและตัดจำหน่ายอุปกรณ์ลดลง 94 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 100 เปรียบเทียบกับปี 2559 ในปี 2559 ขาดทุนจากการจำหน่ายสินทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้งาน 95 ล้านบาท บริษัทมีกำไรสุทธิจากการจำหน่ายสินทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้งานได้ในปี 2560
ขาดทุนจากการเพิ่มสัดส่วนเงินลงทุนในบริษัทร่วมลดลง 15 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 100 เมื่อเทียบกับปี 2559 เนื่องจากในปี 2559 มีการเพิ่มสัดส่วนเงินลงทุนในบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงรับรู้การเพิ่มสัดส่วนเงินลงทุนในบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น
ค่าใช้จ่ายทางการเงินเพิ่มขึ้น 5 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 9.59 เปรียบเทียบกับปี 2559 เนื่องจากอัตราดอกเบี้ย เงินกู้ยืมสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้นและปริมาณเงินกู้ยืมเพิ่มขึ้น เกิดจากการกู้ยืมเงินบาทบางส่วนเพิ่มขึ้นและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงกว่าดอลลาร์สหรัฐฯ
อัตรากำไรขั้นต้นในปี 2560 ร้อยละ 7.30 และร้อยละ 8.37 ในปี 2559 สาเหตุหลักที่ลดลงเนื่องจากการโอน กลับรายการลดลงของสินค้าคงคลังลดลง 28 ล้านบาท เปรียบเทียบกับปี 2559