นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บมจ.สมาร์ทคอนกรีต (SMART) เปิดเผยว่า ความต้องการใช้วัสดุอิฐมวลเบาปีนี้มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยเป็นผลจากการลงทุนงานโครงสร้างพื้นฐานในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ เริ่มมีการลงทุนเปิดโครงการใหม่มากขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/60 ปริมาณความต้องการใช้งานที่เพิ่มมากขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ราคาจำหน่ายทยอยมีการปรับขึ้นด้วยเช่นกัน
สำหรับแผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์ใหม่เพื่อสร้างการเติบโต โดยเน้นการขยายฐานลูกค้าในประเทศ เนื่องจากมีปัจจัยบวกสนับสนุนหลายประการ โดยจะเร่งบุกตลาดโครงการภาครัฐที่มีการลงทุนในโครงการต่างๆจำนวนมาก อีกทั้งจะเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ พร้อมทั้งขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า "อิฐมวลเบาสำหรับงานตกแต่ง" ผ่านร้านโมเดิร์นเทรดวัสดุก่อสร้างชั้นนำ เนื่องจากมีกระแสตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้ารายย่อย สถาปนิก ผู้รับเหมา ปัจจุบันได้วางจำหน่ายสินค้าในร้านไทวัสดุ จำนวน 43 สาขา และเพิ่มตัวแทนจำหน่ายร้านค้าวัสดุกว่า 30 ราย จากการปรับกลยุทธ์ดังกล่าว จะทำให้การกระจายสินค้ามีความครอบคลุม และเพิ่มช่องทางการสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้นในอนาคต
สำหรับการขยายตลาดกลุ่มประเทศ CLMV ที่ผ่านมาบริษัทมีการส่งสินค้าไปจำหน่ายในประเทศกัมพูชาและสปป.ลาว เพื่อใช้ในงานก่อสร้างและงานโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ โดยมีกระแสตอบรับที่ดีและมีออเดอร์สั่งซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่องจากตัวแทนจำหน่ายในประเทศดังกล่าว ซึ่งบริษัทตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากยอดขายต่างประเทศปีนี้อยู่ที่ 2%
"คาดว่าผลการดำเนินงานปีนี้จะฟื้นตัวกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาถือว่าผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว โดยตั้งเป้าหมายรายได้ 340 ล้านบาท เติบโตอย่างน้อย 10% และเริ่มกลับมามีกำไรสุทธิ สัดส่วนรายได้จะมาจากงานภาครัฐ 30 % ภาคเอกชน 60 %และช่องทางจำหน่ายผ่านออนไลน์และโมเดิร์นเทรด10 % ซึ่งเป็นช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ที่มีการเติบโตของยอดขายอย่างมีนัยสำคัญ"นายรังสี กล่าว
ทั้งนี้ ผลประกอบการปี 60 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 308.48 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 313.85 ล้านบาท จำนวน 5.37 ล้านบาท มีขาดทุนสุทธิ 74.176 ล้านบาท สาเหตุที่ผลประกอบการลดลง มาจากการชะลอตัวของโครงการภาครัฐและภาคเอกชน ส่งผลให้รายได้และกำไรขั้นต้นมีการปรับตัวลดลง รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นที่เกิดขึ้นในปี 60