นายวิวัฒน์ วิฑูรย์เธียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสจีเอฟ แคปปิตอล (SGF) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯล่าสุด เมื่อวันที่ 22 ก.พ.61 ได้พิจารณาและเห็นชอบตามข้อเสนอการชำระหนี้ของลูกหนี้ซึ่งศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาให้บริษัทฯชนะคดี โดยลูกหนี้ประสงค์จะชำระหนี้เป็นเงินสด และขอลดหย่อนหนี้ประมาณ 10% เหลือชำระ 378 ล้านบาท ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวจะนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 3 เม.ย.61 นี้
"ลูกหนี้ได้วางเงินมัดจำสำหรับข้อเสนอนี้เป็นเงินสดจำนวน 200 ล้านบาท ณ ไว้แล้ว เมื่อบริษัทได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น ลูกหนี้จะชำระอีก 150 ล้านบาทภายใน 45 วันนับจากวันที่วางเงินมัดจำก้อนแรก (หลังจากประชุมผู้ถือหุ้นไม่กี่วัน) และส่วนที่เหลืออีก 28 ล้านบาท ภายในกรกฎาคม 61 ดังนั้น บริษัทจึงต้องเชิญประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อให้มีมติทันก่อนการชำระหนี้ในงวดที่ 2 ทั้งนี้ การลดหย่อนหนี้ดังกล่าว จะทำให้บริษัทได้รับชำระหนี้เร็วขึ้นกว่าการดำเนินการบังคับคดีมาก ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับบริษัทในการนำเงินดังกล่าวไปขยายสินเชื่อและขยายธุรกิจได้ทันที"นายวิวัฒน์กล่าว
สำหรับภาพรวมธุรกิจในปี 61 มีแนวโน้มที่ดี เนื่องจากการเดินหน้าขยายฐานสินเชื่อรายย่อย และการขยายสาขา รวมถึงการเพิ่มระบบตัวแทนในช่วงปีที่ผ่านมา เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้ ขณะที่บริษัทยังมีแผนเดินหน้าเพิ่มฐานลูกค้ารายย่อยให้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนลูกค้ารายย่อยเป็น 75% ภายในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันมีฐานลูกค้ารายย่อยที่สัดส่วน 40% ขณะที่เป้าหมายพอร์ตสินเชื่อปีนี้ 2,500 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะมาจากการให้สินเชื่อรายย่อยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"พื้นฐานการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ทำงานอย่างหนักในการเพิ่มลูกค้ารายย่อย เพิ่มจำนวนสาขา รวมถึงเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรทั้งงานส่วนให้บริการและงานส่วนการจัดเก็บหนี้ ปัจจุบันบริษัทมีบุคลากรเพิ่ม 300 คน และมีสาขาเกือบทั่วประเทศรวม 60 สาขา รวมทั้ง เอเย่นกว่า 500 ราย ซึ่งถือว่าเพียงพอรองรับการให้บริการลูกค้ารายย่อยใหม่ๆ ถือว่าในปีที่แล้วได้วางรากฐานไว้เกือบครบถ้วนแล้ว พร้อมสำหรับการเติบโตในปีนี้" นายวิวัฒน์ กล่าว