นายอนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการบริหาร บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้และกำไรเติบโตไม่น้อยกว่า 10% จากปีก่อน เนื่องจาก 3 กลุ่มธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มีแนวโน้มที่ดีขึ้นมาก จากความต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการสนับสนุนของภาครัฐในโซนยุโรป ประกอบกับการขายปั๊ม EV Charger ไปได้ดี
อีกทั้งปีนี้บริษัทจะไม่มีปัญหาด้านภาษี จากปีก่อนได้รับผลกระทบการการจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคล หลังจากที่ศาลฎีกาพิพากษาให้ชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลให้กับกรมสรรพากร
ขณะที่โครงการผลิตแขนกล (Robotic Arms) ที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต ปัจจุบันบริษัทได้นำมาทดลองใช้ในโรงงานของบริษัทแล้ว และบริษัทจะยื่นขอสิทธิพิเศษทางภาษีกับทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เพื่อทำการผลิตแขนกลที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตออกมาจำหน่ายเชิงพาณิชย์ ให้แก่บริษัทพันธมิตร ซึ่งบริษัทไม่เพียงมองแค่ในประเทศ (EEC) แต่จะขยายสู่ตลาดต่างประเทศเนื่องจากบริษัทมีความคล่องตัวสูง อาทิ อินเดียและเวียดนามที่ยังมีความต้องการอยู่
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาควบรวมกิจการ (M&A) ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนอากาศยานในเยอรมัน 2 ราย โดยวางงบลงทุนไว้ราว 200-300 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในครึ่งปีแรกของปี 61 ซึ่งบริษัทคาดหวังไว้ว่าจะได้ทั้ง 2 ราย
ขณะเดียวกันบริษัทตั้งงบลงทุนไว้ราว 500-800 ล้านบาท สำหรับการปรับปรุงเครื่องจักรและโรงงาน โดยบริษัทมีความพร้อมสำหรับการลงทุน ปัจจุบันมีเงินสดในมือราว 17,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีความจำเป็นต้องกู้เงิน
ทั้งนี้บริษัทมองแนวโน้มการแข็งค่าของเงินบาทที่ผ่านมา มีผลกระทบทางบัญชีเท่านั้น เนื่องจากบริษัทรับรายได้เข้ามาเป็นดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเวลาแปลงอัตราแลกเปลี่ยนกลับมาเป็นบาทเพื่อรายงานผลประกอบการจะเห็นว่าลดลง แต่ในขณะเดียวกันมองว่าเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าลงทุนในต่างประเทศ เนื่องจากจะสามารถเข้าซื้อได้ในราคาที่ลดลง