นายอิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 61 จะเติบโตได้ราว 12-15% จากปีก่อนอยู่ที่ 5.2 พันล้านบาท และคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะเติบโตมาที่ 35% จากปีก่อนอยู่ที่ 31-32% และอัตรากำไรสุทธิก็คาดว่าจะโตราว 3% จากปีก่อนที่อยู่ 11-12% เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลงราว 10% จึงส่งผลทำให้มาร์จิ้นปรับตัวดีขึ้น
ประกอบกับ บริษัทจะมุ่งเน้นการขยายตลาดไปยังหัวเมืองรองมากขึ้นทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ โดยในประเทศตั้งเป้าขยายสาขา ร้านเถ้าแก่น้อยแลนด์เพิ่มอีก 7 สาขา จากเดิมที่มีอยู่ 13 สาขา ส่งผลทำให้ในปีนี้น่าจะมีสาขาเพิ่มเป็น 20 สาขา วางลงทุนราว 1 ล้านบาทต่อสาขา ขณะที่ในหัวเมืองใหญ่ อย่างกรุงเทพฯ บริษัทเตรียมเปิด Shop standalone หรือ Souvenir discount store จำนวน 1 สาขา ตามแนวรถไฟฟ้า คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในไตรมาส 4/61
ทั้งนี้ ในต่างประเทศ บริษัทจะขยายช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มในหัวเมืองรองในประเทศจีน ,สหรัฐฯ ,เวียดนาม และฟิลิปปินส์ รวมถึงยังจะขยายไปสู่ภาคพื้นยุโรปตะวันออกด้วย เช่น รัสเซีย, เอสโทเนีย, ยูเครน และโปแลนด์ เป็นต้น ขณะเดียวกันยังมองโอกาสที่จะขยายตลาดไปยังประเทศญี่ปุ่น, เกาหลี คาดว่า 3 ปีจากนี้น่าจะเห็นความชัดเจนได้
ปัจจุบัน บริษัทวางจำหน่ายสินค้าแล้วกว่า 50 ประเทศทั่วโลก และมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศอยู่ที่ 60% ในประเทศ 40% โดยคาดว่าในอนาคต 10 ปีข้างหน้าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะขยับเพิ่มขึ้นเป็น 80-90% จากการส่งออกไป 100 ประเทศทั่วโลก และที่เหลือจะมาจากในประเทศ ซึ่งบริษัทยังคงตั้งเป้าหมายจะมียอดขายรวมเติบโตแตะ 10,000 ล้านบาท ในปี 67
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ "ขนมทานเล่น" หลังจากที่มีการร่วมมือกับพันธมิตรกลุ่มมารุอิสุ เพื่อดำเนินธุรกิจขนมขบเคี้ยว คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในไตรมาส 2/61
สำหรับการเข้าซื้อธุรกิจผลิตและจำหน่ายสาหร่ายของบริษัท GIM Factory Inc. (GFI) ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ขณะนี้อยู่ระหว่างการวางแผนการดำเนินงานทั้งหมด คาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องการผลิตได้ในอีก 3 เดือนข้างหน้า โดยตั้งเป้าอีก 18 เดือนข้างหน้าจะมียอดขายดังกล่าวราว 10 ล้านเหรียญต่อปี หรือคิดเป็น 10% ของยอดส่งออกรวม จากปัจจุบันที่มียอดส่งออกอยู่กว่า 3,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามรูปแบบผลิตภัณฑ์ส่าหร่ายที่จะจำหน่ายในประเทศสหรัฐฯ นั้นจะเป็นสาหร่ายเทมปุระ ซึ่งน่าจะเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคในสหรัฐฯได้
"ตลาดในสหรัฐฯ ถือว่าเป็นตลาดสแน็กที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยังมีตลาดสาหร่ายจำนวนน้อยราย หรือเพียง 2 แบรนด์เท่านั้น โดยเทรนการบริโภคก็เริ่มมีการบริโภคสาหร่ายมากขึ้น เราจึงเชื่อว่าน่าจะได้รับการตอบรับที่ดี"
นายอิทธิพัทธ์ กล่าวว่า บริษัทวางงบลงทุนปีนี้ไว้ที่ 100 ล้านบาท แบ่งเป็น ใช้ในการพัฒนาเครื่องจักร และขยายไลน์การผลิต เพื่อรองรับตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น และใช้ในด้านการตลาด โดยได้ดึง นิชคุณ หรเวชกุล นักร้องดังจากวง 2PM ของเกาหลี มาเป็นพรีเซนเตอร์คนล่าสุด พร้อมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชัดใหม่ "หยิบคุณค่าจากทะเล" ภายใต้สโลแกนใหม่ "สาหร่ายเถ่าแก่น้อย อร่อยฟินๆ ได้คุณค่าจากสาหร่ายทะเล"