นายบัลลังก์ ไวยานนท์ ผู้จัดการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 61 เติบโตไม่ต่ำกว่า 5% จากปีก่อน โดยคาดว่ายอดขายที่เพิ่มขึ้นมาจากธุรกิจเดิม (organic growth) ที่จะสามารถเติบโตได้ทุกกลุ่มธุรกิจ ประกอบกับบริษัทบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนจากแนวโน้มการแข็งค่าของเงินบาท ขณะที่ราคาต้นทุนทูน่าจะปรับตัวลดลง โดย ณ เดือนก.พ.61 ที่อยู่ราว 1,550 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน จากเดือน ต.ค.60 ที่อยู่ราว 2,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน โดยบริษัทมีการจัดการกับราคาวัตถุดิบที่ผันผวนด้วยการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า และเป็น long term relationship กับ supplier มากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ ในปี 61 บริษัทตั้งเป้ารักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับ 15% โดยจะควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารงานต่อยอดขายรวม (SG&A) ให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 10% และคงนโยบายอัตราการจ่ายเงินปันผลให้ไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิของบริษัท
นอกจากนี้บริษัทตั้งงบลงทุนในปีนี้ที่ระดับ 4.8 พันล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน เพื่อใช้ในการขยายธุรกิจทั่วไป และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและปรับปรุงโรงงานในแอฟริกา ซึ่งเป็นโรงงานที่ผลิตสินค้าเพื่อส่งออกไปในยุโรป
"ปัจจุบันบริษัทได้รีไฟแนนซ์เงินกู้ส่วนใหญ่ให้เป็นเงินกู้ระยะยาวแล้ว โดยมีสัดส่วนหนี้สินเป็นเงินกู้ระยะยาว (ระยะเวลามากกว่า 12 เดือน) ที่ 77% ของเงินกู้ทั้งหมด ส่วนที่เหลืออีก 23% เป็นเงินกู้ระยะสั้น ซึ่งเป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท โดยบริษัทจะเน้นการกู้เงินบาทในไทยกว่า 98% เพื่อลดความเสี่ยงการความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน อีกทั้งบริษัทได้รับการจัดอันดับจากทริสเรตติ้งในระดับ AA-" นายบัลลังก์ กล่าว