หุ้น BJC ราคาวิ่งขึ้น 2.67% มาอยู่ที่ 57.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 198.62 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.01 น. โดยเปิดตลาดที่ 57.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 58 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 57.25 บาท
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้นบมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) ประเมินราคาเป้าหมาย (DCF) 68 บาท คาดบริษัทสามารถสร้างรายได้และกำไรเติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพมากขึ้นหลังจากการเข้าซื้อกิจการ BIGC มาตั้งแต่ปี 2559 รวมทั้งมีศักยภาพเติบโตจากทั้ง 3 ธุรกิจของบริษัท คือ บรรจุภัณฑ์ สินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าเวชภัณฑ์&เทคนิค ประกอบกับธุรกิจค้าปลีกภายใต้ BIGC มีโอกาสเติบโตจากทั้งในประเทศและขยายไปยัง CLMV
ผลประกอบการ Q4/60 กำไรสุทธิเท่ากับ 1,862 ล้านบาท (+34% QoQ, 80% YoY) หากไม่รวมกำไรจากการต่อรองราคาซื้อบริษัท วีนา เปเปอร์ 155 ล้านบาท กำไรปกติของ BJC เติบโต 24% QoQ และ 66% YoY เป็น 1,723 ล้านบาทซึ่งสูงกว่าที่คาด เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าคาด การเติบโตของกำไรยังมาจากยอดขายและอัตรากำไรเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง BigC มีกำไรเติบโต 68% YoY จาก SSSG ฟื้นตัวเป็น +3.8% จาก -22.2% ใน Q4/59 (แต่ลดลงจาก +9.2% ใน Q3/60) และเปิดสาขาไฮเปอร์มาร์เก็ต 5 สาขาใน Q4/60 ส่วนธุรกิจบรรจุภัณฑ์มีการขยายกำลังการผลิตขวดแก้ว ธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคเติบโตตามผลของฤดูกาล สินค้าขนมและทิชชู่มียอดขายเพิ่มขึ้น ธุรกิจเวชภัณฑ์&เทคนิคมียอดขายและกำไรเติบโตแข็งแกร่ง BJC ประกาศจ่ายเงินปันผล 2H60 เท่ากับ 0.42 บาท/หุ้น (XD 6 มี.ค.) คิดเป็นอัตราผลตอบแทนครึ่งปีที่ 0.7%
ทั้งนี้ คาดกำไรแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในปีนี้ เนื่องจากขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วใน Q4/60 และ Q3/61 ทำให้ยอดขายและประสิทธิภาพการผลิตเพิ่มขึ้น ยอดขายสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้น BIGC รับรู้ยอดขายเต็มปีจากสาขา 9 แห่งที่เปิดในปีก่อน และมีการขยายสาขาเพิ่มเติม รวมทั้งเน้นกลุ่มลูกค้าองค์กรและ Horeca มากขึ้น นอกจากนั้น คาดว่า BJC ได้ประโยชน์จากภาษีลดลง เนื่องจากการกลับรายการภาษีหลังจากมีการปรับโครงสร้างภายในบริษัท