นายธานินทร์ ตันประวัติ กรรมการผู้จัดการ บมจ.แอร์โรว์ ซินดิเคท (ARROW) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้ บริษัท เมฆา-เอส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เข้าทำกิจการร่วมค้า กับ บริษัท เอ.ที.อี.เทเลคอม คอนสตรัคชั่น จำกัด ภายใต้ชื่อ "กิจการร่วมค้า เอ.ที.อี.เมฆา-เอส"เพื่อดำเนินการยื่นซองประกวดราคา,เสนอราคา และทำสัญญารับจ้างเหมางานก่อสร้างและออกแบบโครงการ เพื่อการก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคเกี่ยวกับสายส่งไฟฟ้ากำลังและสายสัญญาสื่อสาร
สำหรับการจัดตั้งกิจการร่วมค้าในครั้งนี้ บริษัทได้ใช้งบลงทุนประมาณ 60 ล้านบาท โดยถือหุ้นในสัดส่วน 50:50 เพื่อรับงานท่อร้อยสายไฟใต้ดินนิคมอุตสาหกรรมสุวรรณภูมิ มูลค่าโครงการ 272 ล้านบาท โดยจะเริ่มดำเนินการในวันที่ 1 มี.ค.นี้ ซึ่งบริษัทมีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนธุรกิจท่อร้อยสายไฟใต้ดินมากขึ้น เพื่อรับมือกับความต้องการในระยะยาวในธุรกิจท่อร้อยสายไฟ
"ปีนี้จะได้เห็นผลการดำเนินงานของ ARROW กลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งได้อีกครั้ง เนื่องจากบริษัทฯ มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนธุรกิจท่อร้อยสายไฟใต้ดินมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการงานสายไฟลงดินทั้งจากภาครัฐและเอกชน เมื่อผนวกเข้ากับคำสั่งซื้อที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่องในปีนี้"นายธานินทร์ กล่าว
ปัจจุบัน งานในมือ (Backlog) ที่เตรียมทยอยรับรู้รายได้ประมาณ 800 ล้านบาท อีกทั้งยังอยู่ระหว่างเสนองานอีกไม่ต่ำกว่า 380 ล้านบาท จากโครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ,รถไฟฟ้ารางคู่ และงานเอกชนอื่นๆ จึงทำให้บริษัทฯ ประมาณการณ์รายได้ปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10-20% จากปี 2560 หรือ 1,600 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะอยู่ 25-30%
ขณะที่ผลประกอบการงวดปี 60 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 193.91 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมเท่ากับ 1,435 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 5.91% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 1,355 ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดและการขยายกำลังการผลิต