BCPG ตั้งเป้าเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าปีนี้อีก 200 MW ,เตรียมรุกพัฒนาไฟฟ้าในนิคมฯ Smart Park ปลายปีนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 28, 2018 14:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บีซีพีจี (BCPG) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายจะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ในปีนี้อีก 200 เมกะวัตต์ (MW) จากสิ้นปี 60 ที่มีกำลังการผลิตตามสัดส่วนร่วมทุนราว 600 เมกะวัตต์

ทั้งนี้ กำลังผลิตไฟฟ้าใหม่จะมาจากการทำธุรกิจแบบ Wholesale ที่เป็นรูปแบบการสร้างโรงไฟฟ้าขายเข้าระบบราว 150 เมกะวัตต์ ทั้งในส่วนของพลังงานลม ,โซลาร์ ,พลังงานใต้พิภพ ,ชีวมวล และอื่น ๆ โดยมองโอกาสในกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิก ซึ่งจะให้ความสำคัญกับโครงการ greenfield ซึ่งสามารถบริหารจัดการโครงการได้ง่าย และโครงการที่สามารถป้อนพลังงานไฟฟ้าได้อย่างมั่นคง (firm supply) เช่น การผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์โดยมีระบบกักเก็บพลังงาน เป็นต้น

ส่วนอีก 30-50 เมกะวัตต์ จะมาจากการทำธุรกิจแบบ Retail ซึ่งเป็นทำตลาดกับผู้บริโภครายย่อย ผ่านการทำโซลาร์รูฟท็อปในประเทศในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งที่ดำเนินการในโครงการอสังหาริมทรัพย์ร่วมกับ บมจ.แสนสิริ (SIRI) ที่คาดว่าจะดำเนินการได้ในช่วงกลางปีนี้ ตลอดจนการทำโซลาร์รูฟท็อปในพื้นที่สถานีบริการน้ำมันบางจาก ซึ่งมีเป้าหมาย 50 แห่ง โดยจะเริ่มดำเนินการในปีนี้ราว 20-30 แห่ง ซึ่งสามารถติดตั้งแผงโซลาร์เพื่อผลิตไฟฟ้าได้ราว 300 กิโลวัตต์/แห่ง โดยใช้เงินลงทุนราว 3 ล้านบาทต่อการผลิตไฟฟ้า 100 กิโลวัตต์ รวมถึงยังมองโอกาสดำเนินการในพื้นที่ต่าง ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า ,หลังคาโรงงาน เป็นต้น

นายบัณฑิต กล่าวว่า การดำเนินการในส่วนของโซลาร์รูฟท็อปนั้น ถ้าจะให้ได้ประสิทธิภาพมากขึ้นควรจะมีระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) เข้ามาร่วมด้วย แต่ในส่วนของบริษัทคงจะไม่ทำระบบ Energy Storage เอง เนื่องจากมองว่าเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อาจจะไม่เหมาะสมหากต้องใช้เงินลงทุนในสินทรัพย์จำนวนมาก ขณะที่ต้องการให้งบบัญชีของบริษัทมีความยืดหยุ่นและคล่องตัวมากกว่า ซึ่งหากจะต้องมีระบบ Energy Storage เข้ามาร่วมด้วยก็จะมองการซื้อจากผู้ผลิตในประเทศที่มีหลายรายให้ความสนใจดำเนินการอยู่

ทั้งนี้ บริษัทมีเป้าหมายจะใช้เงินลงทุนในปีนี้ราว 1 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนสำหรับการขยายกิจการใหม่ ซึ่งบริษัทมีศักยภาพทางการเงินพร้อมที่จะลงทุนทั้งในส่วนกระแสเงินสดที่มีเข้ามาในแต่ละปี และยังมีศักยภาพในการกู้เพิ่มเติม ขณะที่ล่าสุดเตรียมขออนุมัติต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 เพื่อจัดหาเงินกู้ในวงเงินรวมไม่เกิน 3 หมื่นล้านบาท ภายในระยะเวลา 5 ปี (ปี 61-65) เพื่อรองรับการลงทุนด้วย

ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว 394 เมกะวัตต์ ส่วนที่เหลือ 191 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการพัฒนา ทั้งในญี่ปุ่น,ไทย,อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์

"เราวางเป้าจะใช้เงินลงทุนปีนี้ 1 หมื่นล้านบาทเพื่อขยายกำลังผลิตไฟฟ้าอีก 200 เมกะวัตต์ในปีนี้ ซึ่งจะเป็นทั้งโรงไฟฟ้าประเภท conventional และ retail ก็จะช่วยผลักดัน growth ทั้งในส่วนของรายได้และ EBITDA ประมาณ 15-20% ในปีนี้"นายบัณฑิต กล่าว

นายบัณฑิต กล่าวอีกว่า สำหรับกำลังผลิตไฟฟ้าในมือที่มีอยู่และจะเปิดดำเนินการในปีนี้ ได้แก่ โครงการโซลาร์ฟาร์ม โกเทมบะ (Gotemba) ในประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิต 4 เมกะวัตต์ ในไตรมาส 1/61 , โครงการโซลาร์ฟาร์ม ขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์ กำลังการผลิต 9 เมกะวัตต์ ในไตรมาส 2/61 ขณะเดียวกันก็จะรับรู้การเดินเครื่องเต็มที่ของโรงไฟฟ้าที่ได้เข้าซื้อมาในปีที่แล้วทั้งฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย

สำหรับในปีที่ผ่านมาบริษัท มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิประมาณ 232 ล้านบาท เนื่องจากการเข้าทำการป้องกันความเสี่ยงสำหรับการลงทุนในโครงการพลังงานความร้อนใต้พิภพ ประเทศอินโดนีเซีย แต่ในปีนี้บริษัทยังไม่ได้มีแผนที่จะทำป้องกันความเสี่ยงดังกล่าว เนื่องจากต้องพิจารณาจากโอกาสการเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าใหม่ที่จะเกิดขึ้นด้วย

ส่วนความคืบหน้าการร่วมพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรมมาบตาพุด ให้เป็นนิคมอุตสาหกรรม Smart Park นั้น ในส่วนของบริษัทจะเป็นผู้พัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าจากเทคโนโลยีพลังงานสะอาด ซึ่งมีอยู่หลายรูปแบบ โดยอยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียด คาดว่าจะมีความชัดเจนใน 5-6 เดือน ก่อนจะเริ่มดำเนินการได้ปลายปีนี้ และคาดว่าทั้งโครงการจะแล้วเสร็จภายในปี 63

อนึ่ง ในปี 60 BCPG มีรายได้จากการขายไฟฟ้า 3.32 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 8% จากปี 59 และมีกำไรสุทธิ 2.02 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% จากปี 59


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ