บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ. ไทยลักซ์ เอ็นเตอร์ไพรซ์ (TLUXE) ที่ระดับ "BB" และปรับลดแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น "Negative" หรือ "ลบ" จาก "Stable" หรือ "คงที่"
การปรับลดแนวโน้มอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงผลประกอบการทางการเงินของบริษัทที่ต่ำกว่าคาด การลงทุนที่สูงกว่าประมาณการ และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการหาเงินทุนมาชำระคืนเงินกู้เดิมที่ครบกำหนด พร้อมกันนี้ ทริสเรทติ้งยกเลิกอันดับเครดิตองค์กรของ TLUXE ตามความประสงค์ของบริษัท ดังนั้น อันดับเครดิตของบริษัทที่ประกาศต่อสาธารณชนมาก่อนหน้านี้จะไม่ได้รับการทบทวนอีกต่อไปนับจากวันที่ประกาศนี้
ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 ผลประกอบการของบริษัทอ่อนแอลงมาก และต่ำกว่าประมาณการของทริสเรทติ้ง ผลการดำเนินงานของบริษัทได้รับผลกระทบจากความล่าช้าในการดำเนินงานเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าหลายโรงที่บริษัทได้ลงทุนไว้ และค่าใช้จ่ายจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับการซื้อกิจการ บริษัทมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการซื้อกิจการในธุรกิจไฟฟ้าประมาณ 98 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560
เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทยังคงติดลบโดยลดลงมาอยู่ที่ระดับ -37 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 ลดลงจาก -26 ล้านบาทในปี 2559 ภาระหนี้สินของบริษัทสูงขึ้นมากและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจไฟฟ้า อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 57.4% ณ เดือนกันยายน 2560 จาก 44.9% ในปี 2559
นอกจากนี้ บริษัทได้ประกาศการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพในประเทศญี่ปุ่นเพิ่มเติมอีกจำนวน 19 โรงเป็นมูลค่า 1,725 ล้านบาท การลงทุนนี้เป็นการลงทุนเพิ่มเติมจากแผนการลงทุนเดิมที่ประกาศไว้จำนวนประมาณ 4,000 ล้านบาทสำหรับการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังความร้อนใต้พิภพและพลังงานลมในช่วงปี 2561-2563 กระแสเงินสดส่วนเกินเพื่อรองรับการชำระหนี้ของบริษัทอ่อนแอมาก อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ 0.7 เท่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 เทียบกับระดับ 1.9 เท่าในปี 2559 และ 9.6 เท่าในปี 2558
บริษัทมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการหาเงินทุนเพื่อนำมาชำระคืนเงินกู้เดิมที่ครบกำหนด เนื่องจากผลประกอบการที่อ่อนแอลง และไม่สามารถดำรงเงื่อนไขทางการเงินตามที่ระบุในสัญญาเงินกู้ของธนาคารแห่งหนึ่งได้ อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทเท่ากับ 1.6 เท่า ณ เดือนกันยายน 2560 ซึ่งมากกว่าระดับที่ระบุไว้ในเงื่อนไขสัญญาเงินกู้ที่ 1.5 เท่า บริษัทมีหนี้สินที่จะครบกำหนดชำระจำนวนมากในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งประกอบด้วยเงินกู้ระยะสั้นจำนวน 378 ล้านบาท และหุ้นกู้จำนวน 986 ล้านบาท บริษัทมีสภาพคล่องบางส่วนจากเงินลงทุนในหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาดและเงินลงทุนในตั๋วแลกเงินประมาณ 1,500 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2560 สำหรับรองรับการชำระคืนหนี้ที่ครบกำหนด