บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย (JKN) ปรับเพิ่มเป้ารายได้รวมปี 61 โต 20-25% จากเดิมคาดโต 15% เตรียมซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนท์ต่างประเทศแบบ Output Deal เพิ่ม เน้นซีรี่ย์อินเดีย-ฟิลิปปินส์ รับความต้องการจากทีวีดิจิทัลซื้อไปออกอากาศ พร้อมผลิตคอนเทนท์ที่มีโครงสร้างรูปแบบรายการ ภายใต้แบรนด์ CNBC
นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JKN เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าในปีนี้จะมีรายได้รวมโต 20-25% มาที่ประมาณ 1.4 - 1.5 พันล้านบาท ปรับขึ้นมาจากเป้าหมายเดิมที่คาดไว้ 15% ซึ่งเป็นรายได้ที่สูงขึ้นจากปี 60 ที่มีรายได้รวม 1.2 พันล้านบาท และคาดว่ากำไรปีนี้ก็จะเติบโตตามรายได้ ทำให้ทั้งรายได้และกำไรในปีนี้จะทำสถิติสูงสุด
เนื่องจากบริษัทมีจำนวนลูกค้ามากขึ้น และได้ปรับขึ้นราคาลิขสิทธิหนังตามเรทติ้งที่ปรับตัวสูงขึ้นของแต่ละช่องทีวีดิจิทัล รวมทั้งมีงานที่เซ็นสัญญาแล้วรอรับรู้รายได้ กว่า 400 ล้านบาท รอรับรู้ทั้งจำนวนในปีนี้
นายจักรพงษ์ กล่าวว่า บริษัทมีลูกค้าหลักเป็นทีวีดิจิทัล ได้แก่ บมจ.บีอีซี เวิลด์ (BEC) ผู้บริหาร ไทยทีวีสีช่อง 3 ช่อง 33 HD ช่อง 28SD และช่อง 13 Family ที่เซ็นสัญญาซื้อลิขสิทธิ์ จำนวน 14 เรื่องจำนวน 800 ล้านบาท รับรู้รายได้ปีนี้ 500 ล้านบาท และอีก 300 ล้านบาทรับรู้ในปีหน้า
รวมทั้ง บมจ.อาร์เอส (RS) ผู้บริหารช่อง 8 เซ็นสัญญาปีนี้ 10 เรื่องจำนวน 500 ล้านบาท และช่องไบรท์ทีวี เซ็นสัญญาละครจากฟิลิปปินส์ 40 เรื่อง จำนวน 150 ล้านบาท โดยงานของลูกค้าทั้ง 2 รายจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีจำนวนลูกค้าเกือบ 20 ราย นอกจากนี้บริษัทยังมีงานรอเซ็นสัญญาราว 1 พันล้านบาทกับทีวีดิจิทัลรายใหม่ 7 ช่อง คาดเซ็นสัญญาในไตรมาส 3/61 และจะรับรู้ในครึ่งหลังปี 61-ปี 63
"ลูกค้าที่เป็นทีวีดิจิทัลเกือบทุกช่องเป็นลูกค้าเราหมด ยกเว้น NBT กับช่อง 5. ..ปีนี้รายได้และกำไรทำนิวไฮ. พูดได้ว่าซีรีย์หนังอินเดียช่วยกู้สถานการณ์ทีวีดิจิทัล หนังอินเดียยังอยู่ได้ไม่ต่ำกว่า 10 ปี"นายจักรพงษ์ กล่าว
นายจักรพงษ์ กล่าวว่า ในปีนี้ JKN รุกตลาดต่างประเทศ ในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) มาเลเซีย บรูไน และอินโดนีเซีย โดยมีแผนไปโรดโชว์งานหนังนานาชาติที่ฮ่องกงและที่หังโจวในกลางปีนี้ และไปร่วมงานที่ฝรั่งเศสปลายปีนี้เพื่อหาคอนเท้นต์ใหม่ และขยายลูกค้าต่างประเทศ โดยคาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้จากการขายลิขสิทธิหนังในตลาดต่างประเทศราว 5% จากปีก่อนที่ยังไม่มีรายได้ในส่วนนี้
ในปีนี้บริษัทลงทุน 600-800 ล้านบาทเพื่อซื้อคอนเทนต์เพิ่มเติมจากปัจจุบันที่มีลิขสิทธิ์ กว่า 3,500 คอนเทนต์
สำหรับสิทธิ Nation Broadcasting Company Universal (NBC) เพื่อผลิตคอนเท้นต์ ภายใต้แบรนด์ Consumer News and Business Channel (CNBC) ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมบุคคลากรเพื่อผลิตคอนเทนต์รายการข่าวให้แก่สถานีข่าวช่อง CNBC Thailand รวมถึงผลิตคอนเทนต์ภายใต้แบรนด์ CNBC ที่ได้รับลิขสิทธิจาก NBC ประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้จะผลิตรายการเพื่อออกอากาศในช่องJKN CNBC เบื้องต้นใช้งบลงทุน ประมาณ 125 ล้านบาท คาดเริ่มออกอากาศได้ภายในปี 62
ด้านนายธีรภัทร์ เพ็ชรโปรี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน JKN กล่าวว่า บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้ จำนวน 250 ล้านบาทภายในเดือน ก.ค.นี้เพื่อทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมที่จะครบกำหนดไถ่ถอน จำนวน 400 ล้านบาท และในเดือน ธ.ค.61 อีกจำนวน 210 ล้านบาท โดยบริษัทจะนำเงินส่วนหนึ่งที่ได้จากการขายหุ้น IPO มาไถ่ถอนด้วย ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทให้กรอบวงเงินหุ้นกู้ 800 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทจะออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญรุ่นแรก (JKN-W1) จำนวน 108 ล้านหน่วย อายุ 2 ปี คาดระดมทุนได้ประมาณ 1.6 พันล้านบาทใช้ลงทุนคอนเทนท์ และโครงการใหญ่อีก 1 โครงการ ขณะที่ในปีนี้บริษัทจะลดภาระหนี้ลงจากปัจจุบันมีอยู่ 1.1-1.2 พันล้านบาท ซึ่งมีภาระดอกเบี้ยราว 6.5%
นายสุบันฑิต สุวรรณนพ รองหัวหน้าคณะผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บมจ.บีอีซี เวิลด์ (BEC) กล่าวว่า กลุ่มช่อง 3 ได้นำเรื่อง"อโศกมหาราช"มาออกอากาศทำให้เรตติ้งสูงขึ้น และเป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำซีรีส์อินเดียเพิ่มขึ้นมาฉายให้ผู้ชม โดยผู้ชมซีรีส์อินเดียส่วนใหญ่ของช่อง 3 ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพมากกว่าหัวเมืองใหญ่ หลังจากนั้นมีเรื่อง"นาคิน"ออกอากาศทำให้ช่อง 3 มีเรทติ้งสูงต่อเนื่อง หลังจากจบเรื่องซีรีส์นาคินแล้ว ช่อง3 จะนำซีรีส์"มหากาลี"มาฉายต่อ
นอกจากนี้ ในปีนี้ช่อง 3, ช่อง 33 HD ,ช่อง 28 และ ช่อง 13 ได้เตรียมเปิดตัวภาพยตร์อินเดียฟอร์มยักษ์ 14 เรื่อง มาออกอกาศในเร็วๆนี้ ได้แก่ ซีรีส์มาหภารตะ, มหากาลี , อารามบห์, พระพุทธเจ้า, จันทรคุปต์, นันทินี ม่านรักม่านประเพณี, อลิชา แรงพิษริษยา, จันตระการตา, ซินแบท , กรรณะ, ชานิ, Singhasan Bateesi the Mysterious Throne เป็นต้น
นายชาคริต ดิเรกวัฒนชัย หัวหน้าคณะผู้บริหารสายกิจการองค์กร BEC กล่าวว่า มั่นใจว่ากระแสความชื่นชอบซีรีส์อินเดียในเมืองไทย ยังคงมีอย่างต่อเนื่องและนับวันจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน และยินดีที่ร่วมงานกับ JKN ซึ่งมีส่วนสำคัญในการปลุกกระแสภาพยนต์ซีรีส์อินเดียให้ดังกระหึ่มไปทั่วเมือง