นายสิทธิพร รัตนาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บมจ.เจ.เอส.พี.พร็อพเพอร์ตี้ (JSP) เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินงานในปี 61 บริษัทตั้งเป้ารายได้ที่ 4,500 ล้านบาท ซึ่งเน้นการทำกำไรเพิ่มขึ้น วางกลยุทธ์จะมุ่งเน้นการเพิ่มยอดขายและเร่งโอนโครงการแนวราบ โดยเฉพาะโครงการบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดที่มีอัตรากำไร (มาร์จิ้น) ระดับสูงที่ 25-30% เพื่อผลักดันมาร์จิ้นให้มีการเติบโตสูงกว่าปีที่ผ่านมา พร้อมตั้งเป้าหมายก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำ 1 ใน 5 ของผู้พัฒนาบ้านแฝดราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน บริษัทวางงบลงทุน 3,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นงบสำหรับการก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 2,000 ล้านบาท และซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการ จำนวน 1,000 ล้านบาท ปัจจุบัน บริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ในมือกว่า 3,800 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ภายในปีนี้ประมาณ 2,800 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการปี 60 บริษัทมีรายได้รวม 4,521.87 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,327.09 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 35.91% และมีขาดทุนสุทธิ 22 ล้านบาท ซึ่งมีผลมาจากผลขาดทุนจากการด้อยค่าของพื้นที่เช่าและผลขาดทุนจากเงินลงทุนในการร่วมค้าซึ่งเป็นช่วงแรกของการประกอบการและยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะรับรู้รายได้
ทั้งนี้ บริษัทมียอดโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์เพื่อการจำหน่าย จำนวน 2,000 ยูนิต โดยมีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ 4,257.24 ล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 3,049.17 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1,208.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.62 % และมีรายได้จากการให้เช่าและบริการ เท่ากับ 110.72ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 41.52 ล้านบาท
ผลประกอบการด้านรายได้มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากการรับรู้รายได้การโอนกรรมสิทธิ์เข้ามาอย่างต่อเนื่องจากโครงการแนวราบ ได้แก่ โครงการเจ บิช- เจ ทาวน์ – เจ ซิตี้- เจ วิลล่า แพรกษา, เจ บิช- เจ ทาวน์– เจ ซิตี้ – เจ วิลล่า รังสิต, เจ บิช – เจ ทาวน์ – เจ ซิตี้ – เจ วิลล่า บางปะกง, ไมอามี่, เจ ซิตี้ ติวานนท์-บางกะดี,เจซิตี้ บางบัวทอง, และ เจ แกรนด์ สาทร-กัลปพฤกษ์ จึงส่งผลให้บริษัทมีผลการดำเนินงานในส่วนของรายได้รวมปีนี้สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้