นายบัณฑิต ประดิษฐ์สุขถาวร ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงินและบัญชี บมจ.แม็คกรุ๊ป (MC) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 10% จากปีก่อนทำรายได้ 4,319.90 ล้านบาท เป็นไปตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีขึ้น ส่งผลทำให้บรรยายกาศการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนดีขึ้นตามไปด้วย โดยเชื่อว่าจะเห็นกำลังซื้อกลับมาอย่างชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 2/61 เป็นต้นไป
พร้อมกันนั้น บริษัทยังตั้งเป้าจะมีสมาชิกแม็คคลับในปีนี้เพิ่มจำนวนเป็น 5 แสนราย จากปัจจุบันอยู่ที่ 4 หมื่นราย ขณะที่ยอดขายในต่างประเทศก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากการขยายจุดขายเพิ่มเติม และการทำการตลาดกระตุ้นยอดขาย โดยตั้งเป้าสัดส่วนยอดขายจากต่างประเทศน่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3-5% ภายในปี 63 จากปัจจุบันอยู่ที่เพียง 1% เท่านั้น
บริษัทวางงบลงทุนรวมในปีนี้ไว้ที่ 100 ล้านบาท แบ่งเป็น การขยายพื้นที่จำหน่ายภายในประเทศเพิ่มอีกประมาณ 30 จุดขาย จากปัจจุบันมีจุดจำหน่าย 894 จุดขาย และการตั้งจุดขายใหม่ที่อิหร่านอีก 2 จุดขายในกรุงเตหะราน ได้แก่ Bam land shopping mall Tehran และ Aren Shopping center Tehran คาดว่าจะเริ่มเปิดจำหน่ายในเดือน มี.ค.นี้
รวมถึงจะใช้ในการพัฒนาระบบ IT อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทวางกลยุทธ์การจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ด้วยการพัฒนาเว็บไซต์ mcshop.com และระบบ Omni Channel อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเลือกซื้อสินค้าแบบไร้รอยต่อระหว่างช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ ซึ่งในปี 60 มียอดขายผ่านช่องทางออนไลน์และระบบ Omni Channel อยู่ที่ 10 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1% ของยอดขายรวม
สำหรับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องหอม บริษัทตั้งเป้ายอดขายในปีนี้เติบโตเป็น 100 ล้านบาท จากปีก่อน 47 ล้านบาท ตามการขยายช่องทางจัดจำหน่ายแบรนด์ Aromatique Active ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และช่องทางออนไลน์ต่างๆ โดยในครึ่งปีหลังนี้บริษัทเตรียมนำเสนอคอลเลคชั่นเสื้อผ้าภายใต้แบรนด์ UP นำกีฬามาผสมผสานกับแฟชั่นในดีไซน์ที่ลงตัว และฟังก์ชั่นที่เหมาะกับลูกค้า
ส่วนนาฬิกาแบรนด์ Timedeco ในปีนี้ก็ยังมีการเติบโตต่อเนื่อง
นายบัณฑิต กล่าวว่า บริษัทฯคาดอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้น่าจะปรับตัวดีขึ้น หรือมาอยู่ที่ 54-55% จากปีก่อนอยู่ที่ 52.7% เป็นผลมาจากการควบคุมค่าใช้จ่ายทั้งการขายและการบริหาร (SG&A) ซึ่งคาดว่าน่าจะปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 35-37% จากปีก่อนอยู่ที่ 38%
"เราตั้งเป้าหมายการเติบโตเฉลี่ย 10-15% ทุกปี โดยเรามีเป้าหมายในปี 63 สัดส่วนรายได้ที่มาจากไลฟ์สไตล์น่าจะขยับเพิ่มขึ้นมาอยู่ราว 10% จากปี 60 อยู่ที่ 3% จากการร่วมมือกับผู้ผลิตรายอื่นในการพัฒนาสินค้ารูปแบบต่างๆร่วมกัน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และเปิดประสบการณ์ใหม่ให้แก่ลูกค้ามากขึ้น ซึ่งเรามองว่าน่าจะได้รับการตอบรับที่ดีอย่างมาก โดยในปีนี้เราก็ได้ร่วมมือกับ Warrix ในการออกแบบชุดกีฬาฟุตบอล และการทำการตลาดร่วมกับ YAMAHA"นายบัณฑิต กล่าว