นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) เปิดเผยว่า ในปี 61 บริษัทจะมีรายได้จากธุรกิจไฟฟ้าเพิ่มขึ้น จากการรับรู้รายได้โครงการพลังงานลมหาดกังหัน ขนาดกำลังการผลิต 126 เมกะวัตต์ได้เต็มปี และคาดว่ากำลังการผลิตโรงไฟฟ้าทั้งโซลาร์ฟาร์มและโรงไฟฟ้าพลังงานลมจะขยับขึ้นเป็น 664 เมกะวัตต์ หลังจากโรงไฟฟ้าพลังงานลม หนุมาน ขนาดกำลังการผลิต 260 เมกะวัตต์ จ่ายไฟเข้าระบบในช่วงปลายปีนี้
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 61-62 เตรียมใช้งบลงทุน 2.47 หมื่นล้านบาท รองรับการขยายธุรกิจ โดยใช้แหล่งเงินทุนทั้งจากการดำเนินงานของบริษัทฯเอง การกู้ยืม และจากผู้ร่วมทุน โดยการลงทุนจะมีทั้งการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาด 260 MW ที่มีอยู่เดิมให้แล้วเสร็จ การตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่เฟสที่ 1 ขยายการลงทุนในสายธุรกิจไบโอดีเซล ทำสถานีชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ และการทำ R&D ในธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกัน
ในส่วนของธุรกิจไบโอดีเซลในปี 61-62 จะมุ่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ใช้เทคโนโลยีมากขึ้น เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น โดยตั้งงบลงทุนไว้ที่ 2,000 ล้านบาท และเริ่มลงทุนในปีนี้ โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้ในปีนี้จะมาจากธุรกิจไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 65% และธุรกิจไบโอดีเซล 35% จากเดิมที่ปี 60 รายได้มาจากธุรกิจไฟฟ้า 61% และธุรกิจไบโอดีเซล 39%
ส่วนโครงการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ภายใต้เครื่องหมายการค้า "EA Anywhere" คาดว่าจะเปิดครบ 1,000 สถานีในปีนี้ ภายใต้งบลงทุนทั้งสิ้น 800 ล้านบาท โดยจะลงทุนในปีนี้ประมาณ 700 ล้านบาท
สำหรับธุรกิจแบตเตอรี่นั้น บริษัทได้ประกาศจะเข้าซื้อหุ้นใน Amita เพิ่มขึ้นอีกไม่เกิน 19.30% โดยใช้เงินลงทุนเพิ่มโดยประมาณอีกไม่เกิน 844 ล้านบาท รวมทั้งมีแผนลงทุนก่อสร้างโรงงานแบตเตอรี่เฟส 1 ขนาดกำลังการผลิต 1 กิกะวัตต์-ชั่วโมง (GWh) ซึ่งได้ทำการออกแบบเสร็จสิ้นแล้ว และอยู่ระหว่างเตรียมการก่อสร้างมีกำหนดเสร็จในกลางปี 62 โดยต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดสำหรับรองรับโรงงานขนาด 50 GWh ด้วย จึงคาดว่าจะใช้งบประมาณลงทุนในปี 61-62 ราว 4,000 ล้านบาท
นางออมสิน ศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร EA กล่าวว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างศึกษาปรับโครงสร้างธุรกิจให้เป็น Holding Company เนื่องจาก EA มีธุรกิจที่หลากหลายและมีการดำเนินงานที่แตกต่างกันไป ได้แก่ ธุรกิจไบโอดีเซล ,โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Soler Power) ,โรงไฟฟ้าพลังงานลม (Wind Power) และธุรกิจแบตเตอรี่ หรือ Energy Storage+Ev Charging เป็นต้น โดยการปรับโครงสร้างดังกล่าวจะทำให้การดำเนินงานของแต่ละธุรกิจเกิดการคล่องตัวมากขึ้น มีศักยภาพในการดำเนินงานมากขึ้น รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดจากการลงทุน คาดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนได้ในปี 62
สำหรับการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มเป็น 69.99% ใน Amita Technologies lnc. คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จได้ในเดือน เม.ย.61 โดยการลงทุนก่อสร้างโรงงานแบตเตอรี่เฟส 1 ขนาดกำลังการผลิต 1 กิกะวัตต์-ชั่วโมง (GWh) จะรองรับธุรกิจผลิตไฟฟ้าก่อน ซึ่งน่าจะดำเนินการแล้วเสร็จได้ในปี 62 โดยเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อรายได้และกำไรอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามการลงทุนในเฟส 2 ขนาดกำลังการผลิต 49 กิกะวัตต์-ชั่วโมง ขณะนี้มีผู้สนใจเข้าร่วมลงทุนในโครงการดังกล่าวด้วยจำนวน 1 ราย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ โดยเฟส 2 จะรองรับรถยนต์ EV และการใช้ไฟฟ้าของอาคาร ,โรงงาน เป็นต้น
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในปี 60 มีรายได้รวม 11,674 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,234 ล้านบาท หรือ 12% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 10,439 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 3,817 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 565 ล้านบาท หรือ 17% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 3,252 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่ จากการรับรู้รายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าที่มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 404 เมกะวัตต์