MILL คาดผลงานปีนี้โตก้าวกระโดดหลัง บ.ร่วมทุนเริ่มผลิตเหล็กลวดเกรดพิเศษป้อนอุตฯรถยนต์

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 5, 2018 10:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวจุรีรัตน์ ลปนาวณิชย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.มิลล์ คอนสตีล (MILL) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 61 บริษัทคาดว่าภาพรวมผลประกอบการจะมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด บริษัท โคเบลโก้ มิลล์คอน สตีล จำกัด (KMS) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของบริษัทจะสามารถเริ่มผลิตเหล็กลวดเกรดพิเศษเพื่อป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมรถยนต์ในเชิงพาณิชย์ได้ในปีนี้

"ปีนี้น่าจะเป็นปีทองของมิลล์คอน เพราะบริษัทมีความพร้อมทุกด้าน KMS ก็พร้อมเดินเครื่องในเชิงพาณิชย์ ขณะที่ฐานะการเงินบริษัทก็มีความแข็งแกร่งมากขึ้น มีเงินทุนหมุนเวียนพร้อมที่จะรองรับการขยายตัวของธุรกิจ ก็หวังว่าปีนี้ผลประกอบการจะโตก้างกระโดด"นางสาวจุรีรัตน์ กล่าว

นางสาวจุรีรัตน์ กล่าวว่า บริษัทได้ขยายตลาดไปต่างประเทศมากขึ้น เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ โดยล่าสุดก็ได้เริ่มเข้าไปบุกตลาดอินโดนีเซีย ซึ่งช่วงแรกอาจจะเป็นการทำเทรดดิ้งไปก่อน ซึ่งอนาคตก็มีการโอกาสที่จะเข้าไปลงทุนเพิ่มเติมได้ หากเห็นว่าตลาดมีการเติบโตอย่างชัดเจน เช่นเดียวกับการไปลงทุนที่เมียนมา ก็มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม แผนการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ ก็จะยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจุดแข็งของบริษัทในการขยายตลาดต่างประเทศก็คือการมีพันธมิตรที่ดีในแต่ละประเทศ สะท้อนได้จากยอดขายผลิตภัณฑ์เหล็กเส้นและเหล็กแท่งไปยังต่างประเทศในปี 60 เพิ่มขึ้น 8%

สำหรับผลประกอบการงวดปี 60 บริษัทมีกำไรสุทธิ 146.95 ล้านบาท มีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อยู่ที่ 1,050 บาท โดยมีรายได้จากการขายและบริการ 19,980 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับปี 2559 เป็นผลมาจากบริษัทสามารถขายเหล็กได้ในราคาที่สูงขึ้น ตามราคาตลาดที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ในปี 60 บริษัทสามารถขายผลิตภัณฑ์เหล็กเส้นและเหล็กแท่งไปยังต่างประเทศได้ 8% ของรายได้จากการขายและบริการ

ขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอยู่ที่ 724 ล้านบาท ลดลง 29% เมื่อเทียบกับปี 59 เนื่องจากไม่มีการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายหยุดผลิตเพื่อทดลองเหล็กเกรดพิเศษ ลดลง 56% เนื่องจากใกล้ที่จะสามารถผลิตเชิงพาณิชย์ได้แล้ว

ภาพรวมปัจจัยพื้นฐานของบริษัทมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งผลการดำเนินงานและฐานะทางการเงิน โดยปัจจุบันหนี้สินรวมอยู่ที่ 11,714 ล้านบาท ลดลง 313 ล้านบาท ขณะที่หนี้สินหมุนเวียนลดลง 1,771 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้กู้ยืมเงินระยะยาวจากสถาบันการเงิน โดยนำมาชำระเงินกู้ยืมระยะสั้น ส่วนเจ้าหนี้การค้าลดลง 233 ล้านบาท ซึ่งจากการปรับโครงสร้างทางการเงินดังกล่าว ทำให้อัตราส่วนทุนหมุนเวียนอยู่ที่ 0.76 เท่า และอัตราหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ (D/E) อยู่ที่ 1.98 เท่า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ